ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าสูงสุดขององค์กร การปกป้องข้อมูลจึงเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับธุรกิจในทุกขนาด โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลสำคัญไม่ได้อยู่ในรูปแบบกระดาษอีกต่อไป แต่ถูกจัดเก็บและประมวลผลในระบบดิจิทัล ทำให้ความเสี่ยงของการรั่วไหลหรือการถูกโจรกรรมข้อมูลเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจกับ Data Encryption (การเข้ารหัสข้อมูล) เทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยปกป้องข้อมูลองค์กรของคุณ
Data Encryption คืออะไร?

Data Encryption คือ กระบวนการแปลงข้อมูลจากรูปแบบที่อ่านได้ (Plain Text) ให้กลายเป็นรหัสหรือข้อความที่ไม่สามารถอ่านได้ (Ciphertext) โดยใช้กุญแจหรือการเข้ารหัสเฉพาะ ทำให้ผู้ที่มีกุญแจหรือทราบรหัสผ่านที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะสามารถถอดรหัสและเข้าถึงข้อมูลนั้นๆ ได้
การเข้ารหัสข้อมูลถือเป็นหนึ่งในระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security Solutions) ที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะในการปกป้องข้อมูลสำคัญ เช่น ไฟล์บันทึกข้อมูลการเงิน ฐานข้อมูลลูกค้า หรือเอกสารลับต่างๆ ขององค์กรที่ไม่เปิดเผยสู่สาธารณะ
ในอดีต การเข้ารหัสข้อมูลมักใช้กับข้อมูลทางการทหารหรือภาครัฐเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันภาคธุรกิจเริ่มเก็บข้อมูลอ่อนไหวของลูกค้า (Sensitive Data) ในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น จึงมีการนำวิธีการนี้มาใช้ในภาคธุรกิจอย่างแพร่หลาย
ประเภทของ Data Encryption
การเข้ารหัสข้อมูลสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
1. Symmetric-Key Cryptography (การเข้ารหัสแบบสมมาตร)
การเข้ารหัสแบบสมมาตรเป็นระบบที่ทั้งผู้ส่งและผู้รับข้อมูลใช้กุญแจชุดเดียวกันในการเข้ารหัสและถอดรหัส จึงเป็นที่มาของชื่อ "Symmetric" ที่หมายถึงความเท่ากันสองข้าง โดยขนาดของกุญแจมีหน่วยเป็นบิต (bit) ซึ่งยิ่งมีจำนวนบิตสูงเท่าใด การเข้ารหัสก็จะมีความปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
- ข้อดี - มีความซับซ้อนน้อยในการตั้งค่า สามารถเข้ารหัสและถอดรหัสได้อย่างรวดเร็ว
- ข้อเสีย - ไม่เหมาะกับงานที่ต้องติดต่อกับคนจำนวนมาก เนื่องจากต้องใช้กุญแจ 1 ชุดต่อผู้ใช้งาน 1 คน ทำให้การบริหารจัดการกุญแจทำได้ยาก และมีความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม
การเข้ารหัสประเภทนี้นิยมใช้ในแอปพลิเคชันสื่อสาร เช่น LINE และการเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud Storage) ที่ต้องรักษาความลับของข้อมูล และไม่ได้เป็นข้อมูลที่แชร์ให้กับผู้คนจำนวนมาก
2. Asymmetric-key Cryptography (การเข้ารหัสแบบอสมมาตร)
การเข้ารหัสแบบอสมมาตรเป็นระบบที่ใช้คู่กุญแจ (Key Pair) ประกอบด้วยกุญแจส่วนตัว (Private Key) และกุญแจสาธารณะ (Public Key) โดยผู้ส่งข้อมูลจะใช้ กุญแจสาธารณะของผู้รับ ในการเข้ารหัส และผู้รับข้อมูลจะใช้ กุญแจส่วนตัว ในการถอดรหัสข้อมูล หากต้องการใช้งานในลักษณะลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) ผู้ส่งจะใช้กุญแจส่วนตัวลงลายมือชื่อ แล้วผู้รับจึงใช้กุญแจสาธารณะในการตรวจสอบความถูกต้องของลายมือชื่อดังกล่าว
- ข้อดี - มีความปลอดภัยสูงกว่าแบบสมมาตร
- ข้อเสีย - มีความซับซ้อนมากกว่า ทำให้ใช้เวลาในการเข้ารหัสและถอดรหัสนานกว่าแบบสมมาตร
การเข้ารหัสประเภทนี้นิยมใช้กับระบบลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) การยืนยันความถูกต้องของเอกสาร (Document Verification) และการยืนยันความปลอดภัยบนเว็บไซต์ E-Commerce ต่างๆ
ความสำคัญของ Data Encryption สำหรับธุรกิจ
การปกป้องข้อมูลจากการโจรกรรม
Data Encryption ช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรจากการถูกขโมย เปลี่ยนแปลง หรือโจมตี แม้ว่าข้อมูลจะถูกแฮกเกอร์ขโมยไป แต่หากไม่มีกุญแจที่ถูกต้อง ข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสก็จะไม่สามารถนำไปใช้ได้ นอกจากนี้ การเข้ารหัสยังช่วยรับรองความถูกต้องของข้อมูล โดยทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลไม่ได้ถูกแก้ไขโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต
การป้องกันภัยคุกคามจาก Ransomware
Ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ เป็นมัลแวร์ที่เข้ารหัสข้อมูลของเหยื่อและเรียกค่าไถ่เพื่อแลกกัลปลดล็อคไฟล์ข้อมูล ซึ่งการ Encryption ข้อมูลตั้งแต่ภายในองค์กรร่วมกับการติดตั้งระบบไฟร์วอลล์ (Firewall) จะช่วยสร้างเกราะป้องกันหลายชั้น ทำให้ยากต่อการถูกโจมตีด้วย Ransomware ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่สร้างความเสียหายทางการเงินอย่างมหาศาลต่อธุรกิจทั่วโลก
ป้องกันข้อมูลสูญหายระหว่างการถ่ายโอน
ในระหว่างที่ข้อมูลถูกส่งผ่านระบบหรืออุปกรณ์ต่างๆ จะมีความเสี่ยงต่อการถูกดักฟัง (eavesdropping) หรือถูกแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น การโจมตีแบบ Man-in-the-Middle (MITM) ดังนั้น การเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption) จึงเข้ามาช่วยปกป้องความลับของข้อมูลระหว่างการส่งผ่าน ทำให้มั่นใจว่าแม้ข้อมูลจะถูกดักจับ ก็จะไม่สามารถอ่านค่าได้หากไม่มีคีย์ถอดรหัสที่ถูกต้อง และเมื่อใช้ควบคู่กับกลไกตรวจสอบความสมบูรณ์ (integrity check) ข้อมูลก็จะได้รับการคุ้มครองไม่ให้ถูกเปลี่ยนแปลงระหว่างทางอีกด้วยโดยผู้ส่งและผู้รับเท่านั้นที่จะมั่นใจได้ในความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูลนั้น ๆ นอกจากนี้ ระบบ Secure Web Gateway (SWG) จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยในการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ความปลอดภัยในการทำงานแบบ Hybrid Working
ในยุคแห่ง Cloud Computing Hybrid ที่การทำงานทางไกลและการทำงานแบบไฮบริดผ่านระบบคลาวด์กลายเป็นเรื่องปกติในองค์กร อย่างไรก็ตาม เมื่อพนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญจากที่บ้านหรือสถานที่อื่นๆ ความเสี่ยงจากการรั่วไหลของข้อมูลจึงเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น Data Encryption จึงมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยปกป้องข้อมูลองค์กรที่พนักงานเข้าถึงจากระยะไกล และทำให้มั่นใจได้ว่าแม้อุปกรณ์หรือเครือข่ายจะถูกโจมตี ข้อมูลที่เข้ารหัสไว้ก็ยังคงปลอดภัย
การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา
ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) เช่น ความลับทางการค้า ข้อมูลระบบเฉพาะ และข้อมูลผลิตภัณฑ์ เป็นสินทรัพย์สำคัญที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับธุรกิจ การติดตั้ง Encryption ให้กับข้อมูลต่างๆ จะช่วยปกป้องสินทรัพย์เหล่านี้ได้ โดยช่วยให้มั่นใจว่า แม้บุคคลภายนอกจะเข้าถึงข้อมูลได้ แต่ก็จะไม่สามารถถอดรหัสและนำข้อมูลไปใช้ได้
การป้องกันการโจมตีแบบ Phishing
การโจมตีแบบ Phishing เป็นวิธีการที่ผู้ไม่ประสงค์ดีใช้เพื่อหลอกให้ผู้ใช้งานเปิดเผยข้อมูลสำคัญ การใช้ระบบ Data Encryption ร่วมกับเทคโนโลยี EDR (Endpoint Detection and Response) และ MDR (Managed Detection and Response) จะช่วยตรวจจับและป้องกันการโจมตีแบบ Phishing ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อควรพิจารณาในการใช้ Data Encryption
แม้ว่า Data Encryption จะมีประโยชน์มากมาย แต่การนำมาใช้ในองค์กรต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- การจัดการกุญแจ - การบริหารจัดการกุญแจ (Key) อาจเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน หากกุญแจสูญหายหรือถูกขโมย ข้อมูลที่เข้ารหัสไว้อาจไม่สามารถกู้คืนได้ ดังนั้น องค์กรจึงควรมีระบบการจัดการกุญแจที่รัดกุม เช่น การใช้อุปกรณ์อย่าง Hardware Security Module (HSM) ยากต่อการโจรกรรม เมื่อเทียบกับการเก็บ Key ไว้ใน Server Application
- ประสิทธิภาพการทำงาน - การเข้ารหัสข้อมูลอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบ โดยเฉพาะเมื่อต้องประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้ต้องใช้เวลานานขึ้นในการเข้าถึงข้อมูล ดังนัน้ องค์กรจึงควรพิจารณาสมดุลระหว่างความปลอดภัยและประสิทธิภาพการดำเนินงาน
- การฝึกอบรมพนักงาน - การฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากความผิดพลาดของมนุษย์เป็นสาเหตุหลักของการรั่วไหลของข้อมูล
จากที่กล่าวมาทั้งหมด ปฏิเสธไม่ได้ว่า Data Encryption เป็นเครื่องมือสำคัญที่องค์กรทุกขนาดควรนำมาปรับใช้ เพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญ การเข้ารหัสข้อมูลไม่เพียงช่วยป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลจากภัยคุกคามทางไซเบอร์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้อีกด้วย โดยเมื่อพิจารณาถึงต้นทุนทางการเงินและชื่อเสียงที่อาจเสียหายจากการรั่วไหลของข้อมูล การลงทุนในระบบ Data Encryption ย่อมคุ้มค่ามากกว่า ประกอบกับการใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอื่นๆ เช่น Next-Generation Firewall (NGFW), EDR, MDR และ Secure Web Gateway นอกจากนี้ การเลือกผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์อย่าง Sangfor ก็เป็นอีกหนึ่ง “กุญแจ” สู่การยกระดับการป้องกันองค์กรและธุรกิจในอนาคต
Sangfor Technologies เป็นผู้นำระดับโลกด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานไอที ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการมากมายที่ครอบคลุมทุกความต้องการด้าน Cybersecurity เราพร้อมที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณปลอดภัยจากทางไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนในปัจจุบัน
สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จาก Sangfor ได้ที่ www.sangfor.com หรือติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อขอรับคำปรึกษาเพิ่มเติม