ในโลกธุรกิจปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data) การเข้าถึงสื่อสารสนเทศที่มีคุณค่าอย่างรวดเร็วกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร ในการค้นหาข้อมูล การทำเว็บสแคปปิง หรือ Web Scraping เป็นหนึ่งเทคนิคที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ มาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้จะพามาทำความรู้จักกับ Web Scraping อย่างละเอียด

เว็บสแคปปิง (Web Scraping) คืออะไร? เทคนิคการดึงข้อมูลที่ธุรกิจต้องรู้

Web Scraping คืออะไร?

Web Scraping คือ เทคนิคการดึงข้อมูลจากเว็บไซต์มาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มา เพื่อต่อยอดกิจกรรมต่างๆ ทางธุรกิจ เช่น การนำข้อมูลมาวิเคราะห์ตลาด เพื่อหากลยุทธ์กระตุ้นยอดขาย หรือการดึงข้อมูลเพื่อหาข้อมูลเชิงลึก (Insight) บางอย่างในข้อมูลบนเว็บไซต์

โดยพื้นฐานแล้ว เว็บสแคปปิงเป็นกระบวนการที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์จะเข้าไปที่เว็บไซต์เก็บข้อมูลดิบ (Raw Data) กลับมา จากนั้นจึงดึงข้อมูลเฉพาะที่ต้องการ ทำความสะอาดข้อมูล และจัดเก็บในรูปแบบที่พร้อมใช้งาน เช่น ไฟล์ Excel, CSV หรือในรูปแบบฐานข้อมูล

คำว่า "Scraping" แปลว่าการขูด ซึ่งในบริบทนี้อาจเปรียบได้กับการ "ขูด" ข้อมูลออกมาจากเว็บไซต์ หรือก็คือการดึง ดูด หรือแงะข้อมูลออกมาใช้ประโยชน์นั่นเอง

วิธีการทำ Web Scraping มีอะไรบ้าง?

เทคนิคการ Web Scraping นั้นมีหลากหลายตั้งแต่วิธีพื้นฐานไปจนถึงวิธีที่มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยทั่วไป สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 หลัก ได้แก่

1. Copy/Paste ข้อมูลแบบ Manual

เป็นวิธีการ Scraping ดั้งเดิมที่ง่ายที่สุด โดยที่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจะลงมือรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ ทำความสะอาดข้อมูล และจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดเอง ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนด้านอุปกรณ์มากนัก แต่มีข้อจำกัดตรงที่ต้องอาศัยแรงงานฝ่ายไอทีและใช้เวลานาน จึงไม่เหมาะกับการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก อีกทั้งยังมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดสูง

2. เขียนโปรแกรม Web Scraping เพื่อดึงข้อมูล 

เป็นหนึ่งวิธีการทำ Web Scraping ที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน โดยเป็นการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาต่างๆ เช่น

  • Python ด้วย Libary อย่าง BeautifulSoup สำหรับการแยกและดึงข้อมูลจาก HTML/XML, Scrapy เฟรมเวิร์กสำหรับการสร้าง Web Crawler ขนาดใหญ่ หรือ Selenium ที่ใช้ควบคุมเบราว์เซอร์จริงๆ เหมาะสำหรับเว็บที่ใช้ JavaScript มาก
  • Node.JS - เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่คุ้นเคยกับ JavaScript ด้วย Libary อย่าง Puppeteer ที่ใช้สำหรับควบคุม Chrome/Chromium แบบไร้หัว (Headless) และ Cheerio หนึ่งในเวอร์ชันของ jQuery สำหรับ Node.js ที่ใช้กับ HTML
  • ภาษาอื่นๆ - Ruby, PHP, C/C++ หรือแม้กระทั่ง Shell Command ก็สามารถใช้ทำ Web Scraping ได้เช่นกัน

การเขียนโปรแกรมสำหรับทำ Web Scraping นั้นมอบความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะได้ และรองรับการทำงานกับเว็บไซต์ที่มีความซับซ้อน อย่างไรก็ตาม องค์กรต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการพัฒนา และต้องการบำรุงรักษาหรืออัปเกรดเมื่อเว็บไซต์เปลี่ยนแปลง

3. ใช้เครื่องมือ Web Scraping สำเร็จรูป

องค์กรที่ไม่ต้องการสละเวลาและทรัพยากรในการเขียนโปรแกรม Web SCrapping สามารถใช้โปรแกรมสำเร็จรูปแทนได้ เช่น RPA (Robotic Process Automation) เครื่องมือเฉพาะทางอย่าง Webscraper.io, Octoparse, ParseHub หรือส่วนขยายของเบราว์เซอร์ (Browser Extension) เช่น Data Miner, Web Scrapher for Chrome

เครื่องมือ Web Scraping สำเร็จรูปมีข้อดี คือ ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีทักษะการเขียนโปรแกรม และมักมาพร้อมกับอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน จึงเริ่มต้นใช้งานได้รวดเร็ว แต่อาจมีข้อจำกัดด้านความยืดหยุ่นที่ปรับแต่งได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้ง เว็บไซต์บางแห่งอาจมีระบบป้องกันเครื่องมือสำเร็จรูปเหล่านี้

Web Scraper ทำงานอย่างไร?

ในการทำ Web Scraping เราต้องสร้าง Scraper หรือใช้โปรแกรม Web Scrpaing ซึ่งโดยทั่วไปจะทำงานตามขั้นตอนในลักษณะต่อไปนี้

  1. Enter Website - เข้าไปยังเว็บไซต์เป้าหมาย (ส่ง HTTP Request)
  2. Collect Source - เก็บ Raw Data Source เช่น HTML, JSON กลับมา
  3. Extract Data - ดึงข้อมูลที่ต้องการจาก Raw Data
  4. Clean Data - ทำความสะอาดข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่พร้อมใช้งาน
  5. Load Data - จัดเก็บข้อมูลอย่างเหมาะสม เช่น CSV หรือฐานข้อมูล เพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อไป

ข้อดีของ Web Scraping

การใช้โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ Web Scraping มีข้อดีหลายประการที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขัน

ประสิทธิภาพและความเร็ว

  • ประหยัดเวลา - ดึงข้อมูลปริมาณมากได้ในเวลาอันสั้น เช่น สามารถรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ 1,000 หน้าได้ในไม่กี่นาที
  • ทำงานอัตโนมัติ - ตั้งเวลาให้ทำงานตามกำหนดเวลาได้ เช่น ทุกวัน ทุกสัปดาห์
  • การทำงานต่อเนื่อง - โปรแกรม Web Scpraper สามารถทำงานได้ 24/7 โดยไม่ต้องหยุดพัก

ความแม่นยำและคุณภาพข้อมูล

  • ลดความผิดพลาดจากมนุษย์ - การดึงข้อมูลอัตโนมัติมีความแม่นยำสูงกว่าการทำด้วยมือ
  • รูปแบบข้อมูลสม่ำเสมอ - ข้อมูลที่ได้มีโครงสร้างเดียวกัน ง่ายต่อการวิเคราะห์
  • ข้อมูลเป็นปัจจุบัน - สามารถอัปเดตข้อมูลได้บ่อยตามต้องการ

ความยืดหยุ่นและการปรับแต่ง

  • เลือกข้อมูลเฉพาะที่ต้องการ - ดึงเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
  • ปรับเปลี่ยนตามความต้องการ - แก้ไข Scraper ให้เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงของเว็บไซต์
  • ขยายขนาดได้ - รองรับการเพิ่มปริมาณข้อมูลหรือแหล่งข้อมูลใหม่

ประหยัดต้นทุน

  • ลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน - ทดแทนการจ้างคนเก็บข้อมูลด้วยมือ
  • ลงทุนครั้งเดียว - ในกรณีที่ธุรกิจลงทุนพัฒนา Scraper ด้วยตนแล้ว สามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้ง
  • ต้นทุนต่อหน่วยลดลง - ยิ่งดึงข้อมูลมาก ยิ่งประหยัดต่อหน่วย

ข้อควรระวังในการทำ Web Scraping

แม้ Web Scraping จะมีประโยชน์หลายประการ แต่ก็มีข้อควรระวังที่สำคัญ ได้แก่

ประเด็นทางกฎหมายและจริยธรรม

  • ข้อกำหนดการใช้งาน (Terms of Service) - เว็บไซต์หลายแห่งได้กำหนดข้อห้ามในการทำ Scraping
  • กฎหมายลิขสิทธิ์ - ข้อมูลบางประเภทอาจได้รับความคุ้มครองทางลิขสิทธิ์
  • ความเป็นส่วนตัว - ต้องระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA, GDPR)
  • การใช้งานข้อมูล - ควรใช้ข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ที่ถูกกฎหมายและมีจริยธรรม

ความท้าทายทางเทคนิค

  • การป้องกันของเว็บไซต์ - ระบบอย่าง CAPTCHA, IP Blocking, Rate Limiting อาจบล็อกการเข้าถึงข้อมูล
  • โครงสร้างเว็บที่เปลี่ยนแปลง - เว็บไซต์อาจมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ทำให้ต้องปรับ Scraper ตามไปด้วย
  • ข้อมูลที่โหลดด้วย JavaScript - เว็บไซต์ที่ใช้ JavaScript จำนวนมากอาจต้องใช้เทคนิคพิเศษในหาค้นข้อมูล
  • ทรัพยากรที่ใช้ - งาน Web Scraping ขนาดใหญ่ อาจต้องการทรัพยากรคอมพิวเตอร์จำนวนมาก

คุณภาพและความน่าเชื่อถือของข้อมูล

  • ข้อมูลไม่ครบถ้วน - Scraper อาจไม่สามารถดึงข้อมูลทั้งหมดจากเว็บไซต์ ส่งผลให้ข้อมูลบางส่วนตกหล่น
  • ข้อมูลไม่ถูกต้อง - บางเว็บไซต์อาจมีข้อมูลผิดพลาดหรือไม่เป็นปัจจุบัน ซึ่งส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของข้อมูล
  • การแปลงข้อมูล - อาจเกิดปัญหาในการแปลงรูปแบบข้อมูล โดยเฉพาะเมื่อมีข้อมูลหลายรูปแบบ
  • ข้อมูลซ้ำซ้อน - บางครั้ง Scraper อาจเก็บรวบรวมข้อมูลซ้ำซ้อนจากหลายๆ แหล่ง

การผสมผสาน Web Scraping กับ Cloud Computing

ปัจจุบัน หลายองค์กรหันมาใช้ Cloud Computing ร่วมกับ Web Scraping เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลปริมาณมาก โดย Cloud Computing มอบประโยชน์หลายด้านในการทำ Web Scraping เช่น ความยืดหยุ่นด้านทรัพยากร โดยสามารถปรับขนาดทรัพยากรตามความต้องการได้ทันที ความพร้อมใช้งานสูงโดยระบบทำงานต่อเนื่อง 24/7 ด้วยความเสถียรสูง ทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุนโดยจ่ายเฉพาะทรัพยากรที่ใช้จริง องค์กรจึงไม่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง อีกทั้งยังมีความสามารถในการประมวลผลขนานระดับสูง โดยรองรับการทำงานพร้อมกันหลายงาน และมีเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูงอย่าง AI และ Machine Learning บนคลาวด์คอยสนับสนุน

หนึ่งในรูปแบบการใช้งาน Cloud กับ Web Scraping ที่นิยมก็คือ Cloud Computing Hybrid ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง Public Cloud และ Private Cloud, Serverless Computing ซึ่งใช้ฟังก์ชันเช่น AWS Lambda หรือ Google Cloud Functions, Container-based Solutions ซึ่งใช้ Docker และ Kubernetes เพื่อจัดการ Scraper และ Managed Services ซึ่งใช้บริการจัดการข้อมูลอย่าง Google BigQuery หรือ AWS Redshift

การทำ Web Scraping และความปลอดภัยทางไซเบอร์

ในขณะที่ Web Scraping ช่วยให้องค์กรและธุรกิจเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น แต่ธุรกิจก็ควรระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่แอบแฝงอยู่ในอินเทอร์เน็ตด้วยเช่นกัน โดยภัยคุกคามที่พบบ่อย ได้แก่

  • Ransomware - มัลแวร์ชนิดหนึ่งที่จะทำการเข้ารหัสข้อมูลและเรียกค่าไถ่ ซึ่งอาจแฝงมากับไฟล์ที่ดาวน์โหลด
  • Phishing - เป็นการหลอกลวงให้กรอกข้อมูลส่วนตัวหรือติดตั้งมัลแวร์ โดยอาจเกิดขึ้นกับฝ่ายไอทีที่ทำ Web Scraping แบบ Manual
  • Data Breach - เกิดการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญจากการโจมตีด้วยมัลแวร์และ DDoS Attack

ดังนั้น ธุรกิจควรลงทุนในโซลูชันด้านความปลอดภัยที่สำคัญและครอบคลุมช่องโหว่หลายด้าน เพื่อป้องกันภัยคุกคามต่างๆ ในขณะที่ทำ Web Scraping ยกตัวอย่างเช่น Next-Generation Firewall (NGFW) ซึ่งเป็นไฟร์วอลล์รุ่นใหม่ที่มีความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูง ระบบ EDR สำหรับตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามที่อุปกรณ์ปลายทาง และ MDR บริการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามที่มีผู้เชี่ยวชาญดูแล นอกจากนี้ควรดำเนินการติดตั้ง Secure Web Gateway เพื่อคัดกรองและตรวจสอบการเข้าถึงเว็บไซต์เพื่อป้องกันมัลแวร์ และระบบ Data Loss Prevention สำหรับป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล

แนวปฏิบัติที่ดีด้านความปลอดภัยคือการอัปเดตซอฟต์แวร์สม่ำเสมอ โดยหากมีการใช้งาน Web Scrapper สำเร็จรูปก็ควรอัปเดตแพตช์ความปลอดภัยล่าสุดเสมอ พร้อมเข้ารหัสข้อมูลสำคัญทั้งในขณะจัดเก็บและส่งข้อมูล ฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามและวิธีป้องกัน ที่สำคัญคือการสำรองข้อมูลสม่ำเสมอ และวางแผนกู้คืนข้อมูลในกรณีเกิดการละเมิดข้อมูล

Sangfor Technologies เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ Cloud Computing และโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีและพนักงานกว่า 8,000 คนทั่วโลก Sangfor นำเสนอโซลูชันครบวงจรที่ช่วยปกป้องข้อมูลมีค่าขององค์กรคุณ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จาก Sangfor ได้ที่ www.sangfor.com หรือติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อขอรับคำปรึกษาเพิ่มเติม

Search

Get in Touch

Get in Touch with Sangfor Team for Business Inquiry

Name
Email Address
Business Phone Number
Tell us about your project requirements

Related Articles

Cyber Security

เจาะลึกจุดเด่น Antivirus Software อันดับท็อปสำหรับองค์กร

Date : 18 Jun 2025
Read Now
Cyber Security

OSINT คืออะไร เครื่องมือสำคัญในการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์สำหรับธุรกิจ

Date : 17 Jun 2025
Read Now
Cyber Security

PDPA และ GDPR กับความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

Date : 16 Jun 2025
Read Now

See Other Product

Cyber Command - NDR Platform - Sangfor Cyber Command - แพลตฟอร์ม NDR
Sangfor Endpoint Secure
Internet Access Gateway (IAG)
Sangfor Network Secure - Next Generation Firewall (NGFW)
Platform-X
Sangfor Access Secure - โซลูชัน SASE