ในยุคที่ข้อมูลมหาศาล (Big Data) ถูกสร้างและแชร์ในทุกๆ วัน ตั้งแต่โพสต์บนสื่อโซเชียลมีเดียไปจนถึงเอกสารองค์กร แฮกเกอร์ใช้แหล่งข้อมูลเปิดเหล่านี้ในการวางแผนโจมตีเหยื่อ จากสถิติพบว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 นี้ มีการเพิ่มขึ้นของการโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) สูงถึง 126% ทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าข้อมูลสาธารณะและข้อมูลส่วนบุคคลยังคงไม่ได้รับการปกป้องอย่างเพียงพอ สถิตินี้แสดงให้เห็นความสำคัญของ Cybersecurity ที่ทุกองค์กรและธุรกิจไม่ควรมองข้าม ซึ่ง OSINT เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปัจจุบัน

OSINT คืออะไร เครื่องมือสำคัญในการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์สำหรับธุรกิจ

OSINT คืออะไร?

OSINT (Open-Source Intelligence) คือ ข่าวกรองแหล่งเปิด ที่เกิดขึ้นจากการสะสม ประมวลผล และผสานข้อมูลจากแพลตฟอร์มสาธารณะต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยแหล่งข้อมูลของ OSINT นั้นมีหลากหลายแหล่ง เช่น

  • โซเชียลเน็ตเวิร์กและฟอรัมเว็บไซต์
  • สื่อข่าวและแหล่งข้อมูลด้านวารสารศาสตร์
  • ฐานข้อมูลของรัฐบาลและบันทึกสาธารณะ
  • สิ่งพิมพ์ทางวิชาการและเอกสารวิจัย
  • การยื่นเอกสารขององค์กรและทะเบียนธุรกิจ
  • ฐานข้อมูลทางเทคนิคและเอกสาร
  • ภาพถ่ายดาวเทียมและบริการแผนที่
  • ข้อมูลการขนส่งสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐาน
  • ระบบติดตามสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม
  • ฐานข้อมูลสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้า

ในบริบทด้านการรักษาความปลอดภัย OSINT เป็นกรอบการทำงานที่เปลี่ยนข้อมูลสาธารณะให้เป็นข่าวกรองที่นำไปใช้งานได้ ด้วยการสแกนแหล่งข้อมูลเปิดอย่างต่อเนื่องเพื่อหาสัญญาณของภัยคุกคามหรือบ่งชี้ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น ช่วยให้องค์กรสามารถระบุการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต รูปแบบการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล ลักษณะของภัยคุกคามขั้นสูงและมัลแวร์รูปประเภทต่างๆ ที่เคยถูกบันทึกข้อมูลเอาไว้

หากสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ OSINT ใช้ประโยชน์จากข้อมูลแหล่งต่างๆ ที่มีอยู่ เพื่อเสริมการป้องกัน การตรวจสอบ และการวิเคราะห์ภัยคุกคามในอนาคต

ประวัติของ Open-Source Intelligence

แม้การรวบรวมข่าวรองอาจดูเหมือนเป็นวิธีการเก็บข้อมูลในยุคดิจิทัล แต่ในความจริง สังคมมนุษย์นั้นได้ทำการรวบรวมข่าวกรองจากแหล่งข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น อาณาจักรโรมันและจีน ที่อาศับยข้อมูลจากพ่อค้า นักเดินทาง และการสื่อสารสาธารณะ เพื่อรวบรวมข่าวสารต่างๆ อย่างลับๆ โดย OSINT ได้มีการบันทึกอย่างเป็นระบบในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปช่วงต้นศตวรรษที่ 20 จนมาถึงปัจจุบัน ที่ OSINT สามารถช่วยรวบรวมข่าวกรองความปลอดภัยทางไซเบอร์ของธุรกิจ ไปจนถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลแบบเรียลไทม์

จุดเปลี่ยนสำคัญในการพัฒนา OSINT

  • การตรวจสอบการแพร่ภาพของรัฐบาลยุคแรก (1940s-1950s) - ความพยายามแรกในการใช้ OSINT เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อหน่วยข่าวกรองฟังการออกอากาศทางวิทยุของศัตรูและอ่านใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อ วิธีนี้ช่วยให้ทหารได้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนการของกองทัพโดยไม่ต้องข้ามเข้าไปในเขตแดนของศัตรู
  • การขยายแหล่งทางการทูตและวิชาการ (1960s-1970s) - ในยุคสงครามเย็น หน่วยข่าวกรองสามารถรวบรวมข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ วารสาร และสื่อต่างๆ ที่ผลิตโดยรัฐของประเทศอื่น ซึ่งกำกับด้วยการวิเคราะห์เอกสารอย่างเป็นระบบ ทำให้พวกเขาสามารถอนุมานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายได้อย่างรวดเร็ว
  • การเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ตเป็นแรงขับเคลื่อน OSINT (1990s) - การเติบโตอย่างรวดเร็วของการใช้อินเทอร์เน็ตยุค 90 เพิ่มปริมาณและความหลากหลายของข้อมูลที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ เครื่องมือ OSINT เฉพาะทางเริ่มปรากฏขึ้น ซึ่งสามารถจัดการกับปัญหาการ Import และการ Index ข้อมูลจำนวนมาก
  • การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์และการผสมผสาน AI (2010s-2025) - ในยุคปัจจุบัน อุตสาหกรรม OSINT เดินทางมากถึงจุดสูงสุดด้วยเครื่องมือสืบค้นข้อมูลที่ซับซ้อนที่วิเคราะห์โซเชียลเน็ตเวิร์ก ฟีดภัยคุกคาม และแม้แต่ดาร์กเว็บ ประกอบกับการวิเคราะห์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้สามารถวิเคราะห์โพสต์หรือบันทึกหลายพันล้านรายการทุกวันเพื่อระบุรูปแบบการเข้าถึงในเวลาใกล้เคียงกับเรียลไทม์ ซึ่งจำเป็นในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ ที่พัฒนาจนมีความซับซ้อนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

OSINT ทำงานอย่างไร?

OSINT ทำงานผ่านกระบวนการที่เป็นระบบในการรวบรวม ตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลที่เปลี่ยนข้อมูลดิบ (Raw Data) ให้กลายเป็นข่าวกรองที่นำไปฝใช้งานได้ วงจรการทำงานของ OSINT มักจะเป็นไปตามขั้นตอนสำคัญดังนี้

  1. การวางแผนและทิศทางการเก็บข้อมูล - กำหนดความต้องการและวัตถุประสงค์ด้านข่าวกรองเฉพาะ
  2. การเก็บรวบรวม - รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากแหล่งสาธารณะต่างๆ
  3. การประมวลผล - แปลงข้อมูลที่รวบรวมให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับการวิเคราะห์
  4. การวิเคราะห์ - ประเมินและตีความข้อมูลที่ประมวลผลแล้ว
  5. การเผยแพร่ - แบ่งปันข่าวกรองที่สามารถนำไปปฏิบัติได้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง
  6. ข้อเสนอแนะ - รวบรวมข้อมูลข้อเสนอแนะจากผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงการรวบรวมข่าวกรองในอนาคต

กรอบการทำงานข่าวกรองแหล่งเปิด

ผู้ใช้งาน OSINT สมัยใหม่มักใช้กรอบการทำงาน Pyramid of Pain เพื่อจัดระเบียบการเก็บรวบรวมข้อมูล โดย Framework นี้แบ่งการสืบสวนออกเป็นระดับต่างๆ เริ่มจากการสืบสวนบน Surface web ทั่วไป ซึ่งใช้การค้นหาเว็บมาตรฐานและการสืบค้นฐานข้อมูลสาธารณะ ต่อด้วยการวิจัย Deep Web ที่เข้าถึงเนื้อหาที่ไม่ได้ถูก Idex โดย Search Engine แต่ยังสามารถเข้าถึงได้ผ่านช่องทางเฉพาะ

ระดับที่สามคือการเก็บรวบรวมข้อมูลทางเทคนิค โดยเก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค เช่น ข้อมูลโดเมน ที่อยู่ IP และใบรับรองดิจิทัล ส่วนสุดท้ายคือ ข่าวกรองบนโซเชียลมีเดีย ที่วิเคราะห์เนื้อหาโซเชียลมีเดียสาธารณะ เครือข่ายวิชาชีพ และชุมชนออนไลน์ต่างๆ ทั้งหมดนี้รวมกันเพื่อสร้างภาพที่สมบูรณ์ของข้อมูลที่มีอยู่เกี่ยวกับเป้าหมายหรือหัวข้อที่สนใจ

การประเมินความน่าเชื่อถือแหล่งที่มาข้อมูล

ข้อมูลแต่ละชิ้นที่รวบรวมได้จะได้รับการประเมินโดยใช้วิธี CRAAP

  • Currency (ความทันสมัย) - ข้อมูลเผยแพร่หรือโพสต์เมื่อใด?
  • Relevance (ความเกี่ยวข้อง) - ข้อมูลเกี่ยวข้องกับความต้องการของคุณดีแค่ไหน?
  • Authority (ความน่าเชื่อถือ) - แหล่งที่มามีข้อมูลประจำตัว/ชื่อเสียงอะไร?
  • Accuracy (ความถูกต้อง) - ข้อมูลมีหลักฐานสนับสนุนหรือไม่?
  • Purpose (วัตถุประสงค์) - ทำไมข้อมูลนี้จึงมีอยู่?

วิธีการนี้ช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลที่รวบรวมมีความน่าเชื่อถือและมีประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ ทั้งยังช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับปัญหาข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือข้อมูลที่มีอคติ ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาดได้

OSINT ใช้เพื่ออะไร?

OSINT ถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ในหลายภาคส่วนและอุตสาหกรรม ในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ OSINT มีบทบาทสำคัญในการรวบรวมข่าวกรองภัยคุกคาม ทีมความปลอดภัยใช้ OSINT เพื่อติดตามภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น ติดตามข่าวกลุ่มแฮกเกอร์หรือผู้ไม่ประสงค์ดีที่อาจเป็นภัยคุกคาม และระบุเวกเตอร์การโจมตีที่เกิดขึ้นใหม่ รวมถึงติดตามฟอรั่มใน Dark Web วิเคราะห์ฐานข้อมูลมัลแวร์ และติดตามช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ข้อมูลที่รวบรวมได้ช่วยให้ทีมความปลอดภัยเตรียมพร้อมสำหรับภัยคุกคามใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับองค์กร

OSINT ยังมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ ในระหว่างเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย OSINT สามารถช่วยรวบรวมบริบทเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ ระบุเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน และทำความเข้าใจผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยการวิเคราะห์ฐานข้อมูลภัยคุกคามสาธารณะและคำแนะนำด้านความปลอดภัย ทีมความปลอดภัยทางไซเบอร์และผู้ที่เกี่ยวข้องจะสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ สามารถทำความเข้าใจขอบเขตและความรุนแรงของการโจมตีได้ดีขึ้น พร้อมพัฒนากลยุทธ์การตอบสนองที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ องค์กรใช้ OSINT เพื่อประเมินท่าทางด้านความปลอดภัย โดยทำความเข้าใจ Digital Footprint และระบุช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ การประเมินความเสี่ยงนี้ช่วยให้องค์กรระบุและแก้ไขจุดอ่อนด้านความปลอดภัยก่อนที่ผู้โจมตีจะสามารถใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์เชิงรุก

การป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ด้วย OSINT

การใช้ OSINT อย่างมีประสิทธิภาพสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กรในหลายด้าน ได้แก่

1. ป้องกัน Ransomware

OSINT สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการโจมตีด้วย Ransomware โดยการติดตามแนวโน้มการโจมตีและเทคนิคใหม่ ระบุช่องโหว่ที่อาจถูกใช้ในการเจาะเข้าเครือข่าย เฝ้าระวังฟอรัมดาร์กเว็บสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับมัลแวร์รูปแบบใหม่ๆ พร้อมช่วยสร้างระบบเตือนภัยล่วงหน้า เพื่อช่วยองค์กรสามารถเตรียมรับมือกับภัยคุกคามตั้งแต่ก่อนเกิดการโจมตี

2. เสริมความแข็งแกร่งให้กับไฟร์วอลล์และการป้องกันเครือข่าย

OSINT สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของโซลูชันความปลอดภัยเช่น ไฟร์วอลล์ (Firewall) และ Next-Generation Firewall (NGFW) โดยการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ ระบุที่อยู่ IP ที่เป็นอันตราย หรือติดตามการรับ-ส่งข้อมูลที่น่าสงสัยที่อาจบ่งชี้ถึงการบุกรุกของแฮกเกอร์

นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังสามารถป้อนเข้าสู่ระบบ Secure Web Gateway เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย และเสริมความแข็งแกร่งให้กับนโยบาย Data Loss Prevention ขององค์กรได้อีกด้วย

3. เพิ่มขีดความสามารถของ EDR และ MDR

OSINT สามารถเสริมโซลูชัน Endpoint Detection and Response (EDR) และ Managed Detection and Response (MDR) ด้วยการจัดหาข้อมูลเชิงลึกที่อาจบ่งชี้ถึงการบุกรุกที่อาจเกิดขึ้น ช่วยในการจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือน ประกอบกับอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบและการตอบสนองภัยคุกคาม

4. การต่อต้าน Phishing

OSINT เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับฟิชชิง (Phishing) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่มิจฉาชีพมักใช้งาน เพื่อแทรกมัลแวร์ เช่น Ransomware โทรจัน (Trojan), ไวรัส (Virus), หรือเวิร์ม (Worm) เข้าสู่เครือข่ายขององค์กร โดยเริ่มจากการค้นหาโดเมนที่ลงทะเบียนใหม่ที่เลียนแบบแบรนด์ขององค์กร ติดตามแคมเปญ Phishing ที่เป็นที่พูดถึง ตรวจสอบซอร์สโค้ดของเว็บไซต์ที่น่าสงสัย และแจ้งเตือนการปลอมแปลงตัวตนของมิจฉาชีพ

แนวโน้มในอนาคตของ OSINT

เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มหลายอย่างกำลังกำหนดอนาคตของ OSINT ยกตัวอย่างเช่น

OSINT คืออะไร เครื่องมือสำคัญในการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์สำหรับธุรกิจ

การผสมผสาน Open-Source AI

หนึ่งในกระแสหลักในปัจจุบัน คงหนีไม่พ้นคือการผสมผสานเทคโนโลยี Open-Source AI เช่น Machine Learning และการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural language) ซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่องค์กรรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล โดย Machine Learning สามารถทำให้การเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นไปแบบอัตโนมัติ ในขณะที่การประมวลผลภาษาธรรมชาติทำให้การวิเคราะห์เนื้อหาที่ซับซ้อนทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์กำลังถูกใช้เพื่อการประเมินภัยคุกคาม และระบบ AI สามารถสร้างรายงานโดยอัตโนมัติได้อีกด้วย

การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์

อีกแนวโน้มหนึ่ง คือ การเพิ่มขึ้นของการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ ด้วยความต้องการข้อมูลข่าวกรองที่ทันท่วงทีมากขึ้นเรื่อยๆ องค์กรทั่วโลกต่างกำลังลงทุนในระบบที่สามารถตรวจจับภัยคุกคามทันท่วงที การแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ ดำเนินการประเมินความเสี่ยงและการเปิดเผยแบบไดนามิก และตรวจสอบภูมิทัศน์ภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและตอบสนองต่อภัยคุกคามทันทีที่เกิดขึ้นสามารถมอบความได้เปรียบที่สำคัญในการต่อกรกกับแฮกเกอร์

ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น

ปัจจุบันมีการพิจารณาความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้น เมื่อกฎข้อบังคับ เช่น GDPR และ PDPA กลายเป็นเรื่องเข้มงวดมากขึ้น และผู้คนให้ความสนใจมากขึ้น ธุรกิจต่างให้ความสนใจในวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลในแบบที่มีจริยธรรมและโปร่งใส พร้อมพัฒนาแนวปฏิบัติการป้องกันข้อมูลที่ดีขึ้น ปรับปรุงกรอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และเสริมสร้างการตรวจสอบแหล่งที่มา จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า การสร้างสมดุลระหว่างความต้องการข้อมูลข่าวกรองกับความเคารพในความเป็นส่วนตัวและสิทธิของบุคคลเป็นความท้าทายที่สำคัญในยุค OSINT ที่ขับเคลื่อนด้วย AI

OSINT ยังคงเป็นเครื่งมือที่มีคุณค่ามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อองค์กรเผชิญกับความท้าทายด้านความปลอดภัยที่ซับซ้อนมากขึ้นและต้องรักษาความตระหนักเกี่ยวกับช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น การลงทุนในเครื่องมือและเทคนิคการรวบรวม OSINT ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้ององค์กรจากภัยคุกคามที่มีอยู่เท่านั้น แต่ยังช่วยเตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในอนาคตด้วย

องค์กรมองหาวิธีการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ที่ครอบคลุม Sangfor Technologies เป็นผู้นำระดับโลกที่สามารถช่วยคุณจัดการกับความท้าทายด้านความปลอดภัย ด้วยโซลูชันครบวงจรมากมาย เพื่อปกป้องธุรกิจของคุณจากภัยคุกคามที่ซับซ้อนที่สุด ด้วยลูกค้ามากกว่า 100,000 รายทั่วโลกและการลงทุนอย่างมากในการวิจัยและพัฒนา Sangfor สามารถให้การสนับสนุนที่เหมาะสมที่คุณต้องการในการรักษาความปลอดภัยและเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน IT ของคุณด้วยบริการ Cloud Computing Hybrid และความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์

สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จาก Sangfor ได้ที่ www.sangfor.com หรือติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อขอรับคำปรึกษาเพิ่มเติม

Search

Get in Touch

Get in Touch with Sangfor Team for Business Inquiry

Name
Email Address
Business Phone Number
Tell us about your project requirements

Related Articles

Cyber Security

เจาะลึกจุดเด่น Antivirus Software อันดับท็อปสำหรับองค์กร

Date : 18 Jun 2025
Read Now
Cyber Security

เว็บสแคปปิง (Web Scraping) คืออะไร? เทคนิคการดึงข้อมูลที่ธุรกิจต้องรู้

Date : 18 Jun 2025
Read Now
Cyber Security

PDPA และ GDPR กับความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

Date : 16 Jun 2025
Read Now

See Other Product

Sangfor Omni-Command
Sangfor Endpoint Secure แอนตี้ไวรัสยุคใหม่ (NGAV) สำหรับองค์กรของคุณ
SASE ROI Calculator - Assess Sangfor SASE’s Total Economic Impact
Sangfor Athena XDR
Athena SASE - Secure Access Service Edge
Sangfor Athena NGFW - Next Generation Firewall