การผสานรวม Large Language Models (LLM) เข้ากับการดำเนินธุรกิจไม่ใช่แนวคิดแห่งอนาคตอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นแนวทางปฏิบัติที่จำเป็นในปัจจุบัน องค์กรทั่วโลกต่างมุ่งเน้นการใช้งาน AI ในการทำงานหลายด้าน ซึ่งการปรับใช้แบบโมเดล AI อย่าง DeepSeek R1 บนโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ (Hyper-Converged Infrastructure: HCI) กำลังเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำคัญ ดังนั้น บทความนี้จะมาสำรวจว่า DeepSeek R1 ซึ่งเป็น AI แบบจำลองภาษาแบบโอเพนซอร์สว่า สามารถทำงานร่วมกับ HCI ได้อย่างไร ทั้งในการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมเฉพาะทาง การกำหนดประสิทธิภาพ เพิ่มความสามารถในการขยายตัว และกระตุ้นนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างไร

แนวทางการประยุกต์ใช้ LLMs 

ก่อนการเปิดตัวของ AI แบบ Open-Source อย่าง DeepSeek R1 องค์กรส่วนใหญ่มักนำ Large Language Models มาประยุกต์ใช้ตามแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ ที่เหมาะสมตามความต้องการ ซึ่งแต่ละแนวทางก็สร้างโอกาสและความท้าทายที่ต่างกันไป เช่น

  • Pre-Trained Models via APIs : ธุรกิจจำนวนมากพึ่งพาโมเดล LLMs ที่ได้ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว ซึ่งนำเสนอโดยบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ผ่าน APIs ยกตัวอย่างเช่นโมเดล GPT-3 หรือ BERT ให้ธุรกิจเข้าถึงความสามารถของ AI ได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น แต่มักมาพร้อมกับข้อจำกัดบางประการ เช่น ต้นทุนสูง ขาดการปรับแต่ง และการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานของบุคคลที่สามเป็นหลัก
  • Fine-Tuning Existing Models : องค์กรบางแห่งอาจปรับแต่งโมเดล AI ที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้วเพิ่มเติม ซึ่งทำบนชุดข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเพื่อให้สอดคล้องกับงานเฉพาะทางมากขึ้น แม้ว่าวิธีนี้จะปรับปรุงความเกี่ยวข้องของบริบทในการโต้ตอบของ AI แต่ก็มักต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการประมวลผลและฝึกฝน ประกอบกับความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง จึงมีต้นทุนค่อนข้างสูง ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กเข้าถึงได้ยาก
  • Building Models from Scratch : คือ การสร้างโมเดล LLM เองจากศูนย์ โดยองค์กรที่มีเงินทุนและความเชี่ยวชาญทางเทคนิคสามารถลงทุนสร้าง LLMs ของตัวเองตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยวิธีนี้ องค์กรสามารถควบคุม AI ได้สูงสุด แต่แน่นอนว่ามีต้นทุนสูงและใช้เวลาค่อนข้างนาน ซึ่งมักใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาและปรับปรุง
  • Hybrid Approaches : แนวทางนี้เป็นการรวมโมเดล AI ที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้วกับโมดูลที่สร้างขึ้นเอง หรือใช้ร่วมกับระบบ Rule-Based System ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่พบได้บ่อยเช่นกัน โดยวิธีนี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างสมดุลในการใช้งาน ทั้งในด้านความยืดหยุ่นและต้นทุน แต่มักส่งผลให้มีระบบที่ซับซ้อนและยากต่อการบำรุงรักษา
Unlocking the Future: Deploying DeepSeek R1 on Sangfor HCI to Transform Industries 1

อย่างไรก็ตาม การนำ LLMs มาใช้ในองค์กรมักมาพร้อมกับความท้าทายที่สำคัญ เช่น ความต้องการใช้ทรัพยากรจำนวนมากสำหรับการประมวลผล ความซับซ้อนในการผสานรวมกับระบบที่มีอยู่ และความจำเป็นในการมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางสำหรับจัดการและปรับแต่งโมเดล AI นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและความปลอดภัยอาจเป็นอุปสรรคต่อการนำไปใช้งานในระยะยาว

Unlocking the Future: Deploying DeepSeek R1 on Sangfor HCI to Transform Industries 2

การมาถึงของโมเดล AI แบบ Open-Source 

DeepSeek R1 คือ AI แบบ Open-Source ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2025 ซึ่งเผยซอร์สโค้ด (Source-Code) สู่สาธารณะ ส่งผลให้การนำ AI ขั้นสูงมาใช้งานง่ายขึ้น โดยโมเดล AI ล่าสุดในซีรีส์ DeepSeek อย่าง DeepSeek-R1 ซึ่งทำงานได้ดีกว่า OpenAI-o1 ในการทดสอบหลายรายการและได้ถูกเผยแพร่แบบ Open-Source ทำให้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง 

โดยแบบจำลอง DeepSeek R1 ดั้งเดิมมีพารามิเตอร์จำนวน 671 พันล้านตัว กระบวนการถ่ายทอดความรู้ (Distillation) ได้สร้าง DeepSeek-R1-Distill-Qwen-1.5B/7B/14B/32B และ DeepSeek-R1-Distill-Llama-8B/70B ในบรรดาโมเดลเหล่านี้ โมเดล 7B นั้นสามารถก้าวข้ามจำลองโอเพนซอร์สที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้นคือ QwQ-32B-Preview ในการทดสอบทางคณิตศาสตร์ (AIME 2024) โดยความสามารถในการอนุมานของแบบจำลอง 14B เหนือกว่า QwQ-32B-Preview อย่างครอบคลุม และแบบจำลอง 32B สามารถแข่งขันกับ OpenAI O1-mini ได้ ซึ่งแบบจำลอง 1.5B ก็สามารถใช้งานได้จริงแล้ว

Unlocking the Future: Deploying DeepSeek R1 on Sangfor HCI to Transform Industries 3

 

อ้างอิง DeepSeek

หลังกระบวนการสกัดความรู้ (Distillation) ความต้องการในทรัพยากรของ AI ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยแบบจำลอง 1.5B สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องใช้ GPU ส่วนโมเดลเวอร์ชัน 7B นั้นแนะนำให้ใช้งานสำหรับ VRAM 8GB+ (RTX 3070/4060) แบบจำลอง 14B ต้องการ VRAM 16GB (RTX 4090) และแบบจำลอง 32B ต้องการเพียง VRAM 24GB (RTX 3090 สองตัว) เท่านั้น กล่าวได้ว่า เทคโนโลยี Distillation ของ DeepSeek ได้ทำให้การย่อขนาด AI กลายเป็นแนวปฏิบัติที่นิยมมากขึ้น ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาความซับซ้อนในเรื่องต้นทุนของการใช้งานส่วนตัว

นอกจากนี้ ลักษณะการเผยแพร่แบบ Open-Source ของ DeepSeek ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถปรับแต่งโมเดล AI ให้เข้ากับความต้องการเฉพาะทางได้ โดยปราศจากข้อจำกัดด้านกรรมสิทธิ์ของซอฟต์แวร์ ซึ่งการนำ DeepSeek AI มาผสานรวมกับ HCI จะช่วยให้การปรับใช้และการจัดการง่ายขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล เสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ พร้อมช่วยลดต้นทุน

การปรับใช้ DeepSeek R1 ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ 

DeepSeek R1 มีความสามารถในการเรียนรู้เชิงลึกที่ทรงพลัง และสามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวางในหลากหลายอุตสาหกรรม มาดูกันว่ามีแนวทางการใช้งานรูปแบบใดบ้าง

Office Automation 

DeepSeek สามารถผสานรวมเข้ากับซอฟต์แวร์ที่ใช้ในออฟฟิศ เพื่อประมวลผลข้อความหรือ Text แบบอัจฉริยะ การสร้างรายงานอัตโนมัติ และอื่น ๆ ความสามารถนี้จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน ลดการทำงานที่ซ้ำซ้อน และเพิ่มความสะดวกในการดำเนินงานภายในสำนักงาน

การประมวลผลภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ 

DeepSeek ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในงานอย่างการสร้างข้อความ ตอบคำถาม การแปลภาษาแบบใช้เครื่อง (Machine Translation) และการสรุปเนื้อหา อีกทั้งยังสามารถสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติ เช่น บทความ รายงาน และเรื่องเล่าต่าง ๆ พร้อมให้คำตอบที่แม่นยำแก่ผู้ใช้งาน ทำให้เกิดบริการลูกค้าแบบอัจฉริยะและผู้ช่วยเสมือนจริง และอำนวยความสะดวกในการแปลภาษาและการสรุป เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลสำคัญอย่างรวดเร็ว

การพัฒนาซอฟต์แวร์ 

DeepSeek สามารถช่วยในการสร้างโค้ด การเติมโค้ด และการปรับปรุงโค้ด ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาคุณภาพของโค้ดได้อย่างมีนัยสำคัญ ช่วยให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ลดเวลาในการเขียนโค้ดและภาระงาน ทั้งยังช่วยในการวิเคราะห์และปรับปรุงโค้ดที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มความสามารถในการอ่านและประสิทธิภาพการทำงาน

การศึกษา 

DeepSeek สามารถใช้เพื่อพัฒนาเครื่องมือช่วยเหลือทางการศึกษา (Educational Assistance Tool) ให้คำแนะนำการเรียนรู้ที่เฉพาะบุคคล โดยอ้างอิงตามความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของนักเรียน ช่วยให้นักเรียนเข้าใจสื่อเรียนรู้ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น พร้อมปรับปรุงผลลัพธ์การเรียนรู้ และสามารถผสานรวมกับแพลตฟอร์มการศึกษาออนไลน์สำหรับการสนับสนุนเชิงวิชาการแบบเรียลไทม์อีกด้วย

การปรับใช้แบบ On-Premise ในสถานที่ขององค์กร 

การใช้งานในสถานที่ทั่วไปของ DeepSeek เช่น

  1. การสร้างฐานความรู้อัจฉริยะระดับองค์กร (Enterprise-Level Intelligent Knowledge Base)
  2. การพัฒนาผู้ช่วยสำนักงานระดับองค์กร (Enterprise-Grand Office Assistant)

ประสิทธิภาพโมเดลพื้นฐานของ DeepSeek 

ประสิทธิภาพแบบจำลองพื้นฐาน

Typical on-premises applications of DeepSeek include:

  1. Building enterprise-level intelligent knowledge bases
  2. Developing enterprise-grade office assistants

DeepSeek Basic Model Performance

Basic Model Performance​

ประเภทโมเดลประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานสถานการณ์การใช้งาน
1.5Bต่ำกว่า QwQ-32B-Previewการใช้งานที่ Edge Deployment, ปรับใช้งานด้วย CPU เพียงอย่างเดียว
7B, 8Bเทียบเท่า QwQ-32B-Previewการพัฒนาและทดสอบส่วนบุคคล
14Bเหนือกว่า QwQ-32B-Preview เล็กน้อยการทดลองใช้งานภายในองค์กร
32Bเหนือกว่า QwQ-32B-Preview, และ o1-miniการใช้งานในระดับองค์กร (Enterprise-Level)
70Bเหนือกว่า QwQ-32B-Preview, และ o1-miniการใช้งานในการผลิตเชิงพาณิชย์เฉพาะทางแนวตั้ง (Vertical Domain) 
671Bเหนือกว่า OpenAI-o1-1217, และ o1-miniการใช้งานเฉพาะ Vertical Domain ขั้นสูง, บริการ Inference Service ขนาดใหญ่

คำแนะนำการกำหนดค่าโมเดล (อิงตามแผนการใช้ ollama โดยใช้โมเดลที่ลดขนาดแบบ INT4) 

Model Configuration Recommendations (Based on ollma Deployment Plan, Using INT4 Quantized Model)

แบบจำลอง 7B ซึ่งมีพารามิเตอร์ 7 พันล้านตัว ได้รับการออกแบบให้มีความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการใช้ทรัพยากร ทำให้เหมาะสำหรับการปรับใช้บนระบบ Sangfor HCI ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างการปรับใช้ที่ประสบความสำเร็จ และรายละเอียดการกำหนดค่าพารามิเตอร์:

Unlocking the Future: Deploying DeepSeek R1 on Sangfor HCI 6

ทำไมต้องผสานรวม DeepSeek R1 กับ HCI? 

  • การปรับใช้และการจัดการที่ง่ายขึ้น 
    • Plug-and-play - แพลตฟอร์ม Sangfor HCI มอบสภาพแวดล้อมเสมือนแบบ Pre-integrated ช่วยให้สามารถเริ่มต้นใช้ DeepSeek ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องทำการกำหนดค่าที่ซับซ้อน
    • การจัดการแบบรวมศูนย์ - ด้วยอินเทอร์เฟซการจัดการของ Sangfor HCI ผู้ใช้งานสามารถจัดการ Virtual Machine พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และทรัพยากรเครือข่ายของ DeepSeek ได้แบบรวมศูนย์ ทำให้การดำเนินงานด้านไอทีง่ายขึ้น
  • ประสิทธิภาพและความมีประสิทธิผลที่เพิ่มขึ้น 
    • การประมวลผลประสิทธิภาพสูง - สถาปัตยกรรมแบบ Distributed ของแพลตฟอร์ม Sangfor HCI ให้การคำนวณประสิทธิภาพสูง พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และทรัพยากร GPU เพื่อตอบสนองความต้องการในการคำนวณของ DeepSeek
    • การปรับขนาดทรัพยากรแบบยืดหยุ่น - แพลตฟอร์ม Sangfor HCI รองรับการปรับขนาดทรัพยากรที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของ DeepSeek เพื่อป้องกันการสูญเสียทรัพยากรโดยไม่จำเป็น
    • Data Localization - การจัดเก็บข้อมูลของ DeepSeek แบบ Local ช่วยลดความล่าช้าของเครือข่ายและปรับปรุงประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูล
  • ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือที่มากขึ้น 
    • ความปลอดภัยของข้อมูล - แพลตฟอร์ม Sangfor HCI มีความสามารถในการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการควบคุมการเข้าถึง เพื่อปกป้องข้อมูลบน DeepSeek จาก Ransomware และลดความเสี่ยงที่ผู้ใช้งานจะพบเจอการหลอกลวงแบบฟิชชิง (Phishing)
    • ความพร้อมใช้งานสูง - แพลตฟอร์ม Sangfor HCI รองรับสถาปัตยกรรม High-Availability รวมถึงการสแตนด์บายแบบ Dual-Machine Hot และ Fault Migration เพื่อให้มั่นใจในความต่อเนื่องทางธุรกิจ
    • การกู้คืนจากภัยพิบัติ - แพลตฟอร์มรองรับการสำรองข้อมูลและการกู้คืน ช่วยให้สามารถคืนค่าข้อมูลทางธุรกิจของ DeepSeek ได้อย่างรวดเร็ว และป้องกันการสูญเสียข้อมูลด้วยระบบ Data Loss Prevention
  • ลดต้นทุน 
    • ประหยัดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์ - สถาปัตยกรรมแบบ Software-Defined ของ Sangfor HCI สามารถช่วยลดต้นทุนในการจัดซื้อฮาร์ดแวร์ได้
    • ลดต้นทุนการดำเนินงานด้านไอที - การดำเนินงานและการบำรุงรักษาที่ง่ายดายของแพลตฟอร์ม Sangfor HCI สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดฝ่ายไอทีอย่างมีประสิทธิภาพ
    • ปรับปรุงการทรัพยากรได้เหมาะสม - แพลตฟอร์ม Sangfor HCI ช่วยให้การใช้ทรัพยากรมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดการสูญเสียทรัพยากรให้เหลือน้อยที่สุด

บทสรุป: อนาคต AI ที่ Open, Scalable และ Intelligent 

การปรับใช้ DeepSeek R1 บน Sangfor HCI เป็นมากกว่าเป้าหมายทางเทคนิค แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ ด้วยการรวมความยืดหยุ่นแบบโอเพนซอร์สกับความคล่องตัวของ HCI ธุรกิจสามารถปรับใช้โซลูชัน AI ที่มีพลวัตเหมือนกับความท้าทายของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติการดูแลผู้ป่วย การกำหนดประสบการณ์การค้าปลีกในรูปแบบใหม่ หรือการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในอุตสาหกรรม DeepSeek R1 บน Sangfor HCI ช่วยให้องค์กรสามารถเปลี่ยนความทะเยอทะยานให้เป็นการกระทำ

ขณะที่ภูมิทัศน์ของ AI พัฒนาไป มีความจริงข้อหนึ่งที่ยังคงชัดเจน: ผู้ชนะในวันพรุ่งนี้จะเป็นผู้ที่ใช้ประโยชน์จากการผสานพลังของแบบจำลองล้ำสมัยและโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นในวันนี้ ด้วย DeepSeek R1 และ Sangfor HCI อนาคตนั้นอยู่ในมือคุณแล้ว

ในการคุ้มครองระบบและเครือข่ายขององค์กรคุณอย่างครอบคลุม Sangfor ขอแนะนำให้ประยุกต์โซลูชันความปลอดภัย เช่น ไฟร์วอลล์ (Firewall) แบบ Next-Generation Firewall (NGFW) ร่วมกับระบบ EDR และ MDR สำหรับการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคาม ประกอบกับการใช้ Secure Web Gateway เพื่อป้องกันอันตรายจากเว็บไซต์ และเทคโนโลยี Cloud Computing Hybrid เพื่อความยืดหยุ่นสูงสุดในการปรับใช้ AI ในยุคปัจจุบัน

 

พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมของคุณหรือยัง? เรียนรู้เกี่ยวกับ DeepSeek R1 บน HCI ที่ซึ่งนวัตกรรมพบกับความสามารถในการขยายตัวได้แล้ววันนี้

ติดต่อเราเพื่อสอบถามข้อมูลธุรกิจ

Search

Get in Touch

Get in Touch with Sangfor Team for Business Inquiry

Name
Email Address
Business Phone Number
Tell us about your project requirements

Related Articles

Cloud and Infrastructure

แนะนำ 10 โซลูชัน Virtual Desktop Infrastructure น่าสนใจสำหรับธุรกิจ

Date : 19 Jun 2024
Read Now
Cloud and Infrastructure

Nutanix และทางเลือกโซลูชัน HCI อันดับต้น ๆ ในปี 2025

Date : 08 May 2025
Read Now
Cloud and Infrastructure

Hybrid Cloud คืออะไร? รู้จักความหมายและประโยชน์

Date : 12 Oct 2024
Read Now

See Other Product

SIER
EasyConnect-Thai
aStor
More Advanced VDI Features
Sangfor Application Delivery (AD) Product Series
โซลูชันการเปลี่ยน VMWare