การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีมักมาพร้อมกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทางกลายเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับองค์กรและบริษัททุกขนาดทั่วโลก ดังนั้น โซลูชันอย่าง Endpoint Detection and Response หรือ EDR ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในการต่อกรกับการโจมตีทางไซเบอร์ ด้วยความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคาม การตรวจสอบ และการตอบสนองขั้นสูง โซลูชัน EDR ช่วยให้องค์กรสามารถระบุและลดโอกาสเกิดการละเมิดข้อมูลเชิงรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายว่า EDR คืออะไร มีวิธีการทำงานอย่างไร และองค์ประกอบสำคัญต่างๆ พร้อมแนะนำ 15 อันดับโซลูชัน EDR ชั้นนำ เพื่อช่วยให้คุณค้นหาผู้ให้บริการที่เหมาะสมในการสร้างความปลอดภัยที่แข็งแกร่งสำหรับองค์กรของคุณ

โซลูชัน EDR คืออะไร? มีหลักการทำงานอย่างไร?

Endpoint Detection and Response (EDR) เป็นเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ออกแบบมาเพื่อระบุ สืบสวน และควบคุมภัยคุกคามที่มุ่งเป้าไปยังอุปกรณ์ปลายทางของเครือข่าย เช่น แล็ปท็อป คอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์มือถือ ซึ่งอาจมีช่องโหว่สำคัญที่อาชญากรไซเบอร์สามารถแฮกเพื่อเข้าถึงเครือข่ายขององค์กร โดยโซลูชัน EDR มอบการมองเห็นกิจกรรมต่างบนอุปกรณ์ปลายทางแบบเรียลไทม์ (Real-Time) ช่วยให้ทีมไอทีสามารถตรวจจับความผิดปกติ พฤติกรรมที่เป็นอันตราย และป้องกันก่อนที่จะเกิดการโจมตีเต็มรูปแบบ

EDR ถูกคิดค้นขึ้นโดย Anton Chuvakin นักวิเคราะห์จาก Gartner ซึ่งได้ระบุว่า โซลูชัน EDR ต้องมีฟังก์ชันหลัก 4 ประการ ได้แก่ การตรวจจับเหตุการณ์ (Incident Detection), การควบคุม (Containment), การสืบสวน (Investigation) และแนวทางการแก้ไข (Remediation Guidance) เพื่อให้ฟังก์ชันเหล่านี้เป็นไปได้ โซลูชัน EDR จึงอาศัย Lightweight Agent ที่มีขนาดเล็ก เพื่อตรวจสอบและบันทึกกิจกรรมของอุปกรณ์ปลายทางอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ ซึ่งข้อมูลที่ EDR บันทึกนั้นอาจรวมไปถึง System Log, การเปลี่ยนแปลงของ Registry, การเชื่อมต่อเครือข่าย และกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับไฟล์ข้อมูล ซึ่งบันทึกทั้งหมดจะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์กลางเพื่อวิเคราะห์ โดยใช้อัลกอริทึมขั้นสูง และ Machine Learning โดยหลังจากระบุภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น ระบบ EDR ทำการแจ้งเตือน ซึ่งแสดงรายละเอียดแหล่งที่มาของการโจมตี ประเภท และอุปกรณ์ปลายทางที่ได้รับผลกระทบ ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถควบคุมภัยคุกคามและป้องกันความเสียหายได้อย่างรวดเร็ว นอกจากการตรวจจับ Ransomware และการโจมตีรูปแบบต่างๆ แล้ว โซลูชัน EDR ยังนำเสนอการวิเคราะห์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ล่าภัยคุกคาม เชื่อมโยงเหตุการณ์ และสร้างเวิร์กโฟลว์การตอบสนองแบบอัตโนมัติ

15 อันดับโซลูชัน Endpoint Detection and Response (EDR) มอบความปลอดภัยสูงสุด

องค์ประกอบสำคัญของโซลูชัน EDR มีอะไรบ้าง?

โซลูชัน EDR มีองค์ประกอบหลากหลายที่เชื่อมโยงกันและทำงานร่วมกัน เพื่อมอบการป้องกันอุปกรณ์ปลายทางที่ครอบคลุม โดยศูนย์กลางของสถาปัตยกรรมนี้คือ Endpoint Agent ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและปกป้องอุปกรณ์แต่ละชิ้น ผ่านการรวบรวมและส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ EDR ซึ่งจะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับ แล้วจึงทำการระบุภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น และแจ้งเตือนทีมรักษาความปลอดภัยเป็นลำดับต่อไป

เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับภัยคุกคาม โซลูชัน EDR ใช้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคาม เพื่อติดตามข้อมูลเกี่ยวกับ Attack Vector หรือช่องทางการโจมตีล่าสุด เครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูงที่ขับเคลื่อนด้วย Machine Learing จะคอยตรวจสอบข้อมูลบนอุปกรณ์ปลายทางอย่างละเอียดเพื่อค้นหาภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ ซึ่งอาจสามารถหลบเลี่ยงวิธีการตรวจจับแบบดั้งเดิมที่อิงจากลายเซ็น (Signature-Based) ความสามารถในการล่าภัยคุกคามเชิงรุกช่วยให้นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยสามารถค้นหากิจกรรมที่เป็นอันตรายได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ฟังก์ชันการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่แข็งแกร่งช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้มาตรการตอบโต้ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ องค์ประกอบทั้งหมดนี้รวมกันเป็นโซลูชัน EDR ที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถตรวจจับและตอบสนองต่อการโจมตีทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนได้แบบเรียลไทม์

การป้องกันภัยทางไซเบอร์ผ่าน EDR ยังช่วยในการป้องกันการโจมตีแบบฟิชชิง (Phishing) ที่ส่งผลกระทบต่อองค์กรได้มหาศาล อีกทั้งโซลูชัน EDR บางตัวอาจมีระบบ Data Loss Prevention ที่ช่วยรักษาข้อมูลสำคัญขององค์กรไม่ให้รั่วไหล นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี MDR (Managed Detection and Response) ซึ่งเป็นการยกระดับจาก EDR ด้วยการเพิ่มทีมผู้เชี่ยวชาญที่คอยเฝ้าระวังและตอบสนองต่อภัยคุกคามตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้องค์กรสามารถต่อกรกับภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แนะนำ 15 อันดับโซลูชัน EDR ชั้นนำ

1. Sangfor Endpoint Secure

เมื่อเทียบกับโซลูชันแอนตี้ไวรัสอย่าง Next-Generation Anti-Virus (NGAV)หรือ EDR ที่มีอยู่ทั่วไป โซลูชัน Sangfor Endpoint Secure ถือเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งและต่อยอดได้ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องอุปกรณ์ปลายทางจากภัยคุกคามที่มีความซับซ้อน โดย Sangfor Endpoint Secure นำเสนอคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุม ทั้งยังโดดเด่นด้วยความสามารถในการตรวจจับ Ransomware อย่างรวดเร็ว พร้อมอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย

คุณสมบัติเด่น

  • การตอบสนองแบบอัตโนมัติต่อการโจมตีแบบฟิชชิง (Phishing) และการบุกรุกทางเว็บไซต์ (Web Intrusion Attacks)
  • การตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบเรียลไทม์
  • คุณสมบัติในการสืบสวนเหตุการณ์การโจมตี
  • ความสามารถในการต่อต้าน Ransomware ที่แข็งแกร่ง
  • สามารถผสานรวมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Sangfor ได้อย่างราบรื่นสำหรับการจัดการแบบรวมศูนย์

ข้อดี

  • การป้องกันภัยคุกคามที่มีประสิทธิภาพ
  • ความสามารถในการต่อต้าน Ransomware ที่แข็งแกร่ง
  • การผสานรวมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Sangfor อย่างราบรื่น
  • อินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน
  • ตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับองค์กร

ข้อเสีย

  • มีข้อจำกัดในการผสานรวมกับซอฟต์แวร์ Third-Party เมื่อเทียบกับคู่แข่งบางราย
  • ความซับซ้อนในกระบวนการตั้งค่าเริ่มต้น

คะแนนจากลูกค้าของ Gartner - 4.8

ราคา - ราคายืดหยุ่นซึ่งเปลี่ยนแปลงตามขนาดการติดตั้งระบบ ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคา

2. SentinelOne Singularity Platform

SentinelOne Singularity Platform ช่วยทำให้การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์สมัยใหม่ง่ายขึ้นผ่านแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์และทำงานโดยอัตโนมัติ เป็นโซลูชัน EDR แบบ Cloud-Native ที่สามารถตัดสินใจดำเนินการตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวด ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับอุปกรณ์ปลายทางขององค์กรโดยใช้ Static AI และ Behavioral AI

คุณสมบัติเด่น

  • การตรวจจับภัยคุกคามด้วย AI และ Machine Learning
  • การตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์
  • การตอบสนองต่อเหตุการณ์อัตโนมัติ
  • การล่าภัยคุกคามเชิงรุก
  • สถาปัตยกรรมแบบ Cloud-Native

ข้อดี

  • ใช้งานง่าย
  • มีความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามที่แข็งแกร่ง
  • ตรวจจับภัยคุกคามอย่างรวดเร็ว
  • ตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อเสีย

  • ราคาอาจแตกต่างกันตามขนาดการติดตั้งระบบ

คะแนนจากลูกค้าของ Gartner: 4.7

ราคา: รูปแบบราคาแบบสมาชิกรายเดือนที่มีห้าตัวเลือกให้เลือก

3. CrowdStrike Falcon

CrowdStrike Falcon เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะหนึ่งในโซลูชัน EDR ชั้นนำ โดยเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการผ่านคลาวด์ที่รวมการป้องกันด้วย AI และความสามารถในการตอบสนองอัตโนมัติที่แข็งแกร่ง เพื่อระงับภัยคุกคามก่อนที่จะเกิดความเสียหาย แพลตฟอร์มนี้มอบการรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมหลายระบบปฏิบัติการ รวมถึงมือถือ อุปกรณ์ IoT และอุปกรณ์ปลายทางชนิดต่างๆ

คุณสมบัติเด่น

  • มอบการป้องกันอุปกรณ์ปลายทางโดยใช้ AI, Machine Learning, การควบคุมสคริปต์ และการสแกนหน่วยความจำขั้นสูง
  • รู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคาม (Threat Intelligence)
  • การตรวจจับและการตอบสนองตลอด 24 ชั่วโมง
  • การตรวจสอบภัยคุกคามที่รวดเร็วขึ้นด้วย AI
  • มองเห็นภัยคุกคามอย่างครอบคลุม

ข้อดี

  • ความสามารถในการป้องกันที่แข็งแกร่ง
  • การตรวจจับภัยคุกคามอย่างรวดเร็ว
  • การติดตั้งง่าย
  • ใช้ทรัพยากรต่ำ ไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบ
  • ตอบสนองต่อเหตุการณ์ความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อเสีย

  • มีราคาสูงกว่าเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการ EDR รายอื่นๆ
  • อาจมีโอกาสเกิดการแจ้งเตือนผิดพลาด (False Positive)

คะแนนจากลูกค้าของ Gartner: 4.7

ราคา: ราคาแบบสมัครสมาชิก พร้อมทดลองใช้งานฟรี

4. Trend Micro XDR

โซลูชัน EDR ที่รวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูลจากชั้นความปลอดภัยต่างๆ เช่น เวิร์คโหลดคลาวด์ เครือข่าย อีเมล เซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ปลายทาง Trend Micro XDR นำเสนอวิธีการรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์ปลายทางแบบครอบคลุม ช่วยให้องค์กรมีมุมมองแบบองค์รวมเกี่ยวกับสถานะความปลอดภัยของตนเอง

คุณสมบัติเด่น

  • เชื่อมโยงข้อมูลภัยคุกคามจากชั้นความปลอดภัยต่างๆ แบบอัตโนมัติ
  • เซนเซอร์บนอุปกรณ์ปลายทาง เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมระบบสำหรับการสืบสวน
  • บริการการตรวจจับและการตอบสนองที่มีการจัดการ (MDR)

ข้อดี

  • มองเห็นสถานะความปลอดภัยครอบคลุมทุก Layer
  • มีชื่อเสียงด้านความน่าเชื่อถือโดยไม่ต้องมีทีมรักษาความปลอดภัยเฉพาะทาง
  • แพลตฟอร์มที่เป็นหนึ่งเดียว

ข้อเสีย

  • ไม่เหมาะสำหรับบริษัทที่ต้องการโซลูชันแยกกันสำหรับชั้นความปลอดภัยต่างๆ

คะแนนจากลูกค้าของ Gartner: 4.7

ราคา: แผนราคาที่ยืดหยุ่นด้วยตัวเลือกแบบแผนราคาต่อผู้ใช้งานและต่ออุปกรณ์

5. Harmony Endpoint

Harmony Endpoint ถูกพัฒนาขึ้นโดย Check Point Software Technologies Ltd. ซึ่งเป็นโซลูชัน EDR บนคลาวด์ที่ใช้วิธีการักษาความปลอดภัยแบบ Prevention-First มุ่งเน้นการป้องกันภัยคุกคามเชิงรุกแทนการตรวจจับและการตอบสนอง นอกจากนี้ โซลูชัน EDR นี้ยังรวบรวมความสามารถด้านความปลอดภัยอื่นๆ เข้าไว้ใน แพลตฟอร์มเดียวกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันสูงสุด

คุณสมบัติเด่น

  • แพลตฟอร์มที่รวบรวม EPP, EDR และ XDR ไว้ในที่เดียว
  • ThreatCloud AI สำหรับการป้องกันภัยคุกคาม Zero-Day
  • การป้องกันฟิชชิงแบบ Zero-Phishing Protection
  • แนวทางการป้องกันแบบ Prevention-First

ข้อดี

  • อินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้
  • อัตราการตรวจจับสูง สามารถมองเห็นภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว
  • สามารถผสมผสานการทำงานข้ามแพลตฟอร์ม (Cross-platform) ได้ดี

ข้อเสีย

  • ด้วยชุดอุปกรณ์ที่มีจำนวนมาก อาจทำให้การใช้งานมีความซับซ้อน
  • ต้องใช้ทรัพยากรระบบจำนวนมาก

คะแนนจากลูกค้าของ Gartner: 4.4

ราคา: มีแพ็กเกจหลายรายการให้เลือก ผู้ใช้งานสามารถขอทดลองใช้งานได้

6. Cortex XDR

Cortex XDR ช่วยให้องค์กรและธุรกิจสามารถตรวจจับและตอบสนองต่อการโจมตีที่ซับซ้อนหรือมีหลายขั้นตอนได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุม โดยการรวมศูนย์ฟังก์ชันการตรวจจับ ตรวจสอบ และตอบสนองต่อภัยคุกคามขั้นสูงหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน

คุณสมบัติเด่น

  • แพลตฟอร์มความปลอดภัยแบบรวมศูนย์
  • สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมและปรับใช้ Machine Learning ในการตรวจจับภัยคุกคาม
  • ผสมผสานไฟร์วอลล์ (Firewall) และการเข้ารหัสดิสก์ (Disk Encryption) เข้าด้วยกัน
  • สามารถผสานรวมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Palo Alto Networks ได้อย่างราบรื่น
  • ฟีเจอร์ควบคุมอุปกรณ์ระยะไกล และรักษาความปลอดภัยการเข้าถึงผ่าน USB

ข้อดี

  • มีความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามที่ซับซ้อนได้ดี
  • ผสานรวมกับ Cortex XSOAR ได้อย่างราบรื่น เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์อัตโนมัติ
  • การสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมงสำหรับการล่าภัยคุกคาม

ข้อเสีย

  • อาจต้องการการฝึกอบรมบุคลากรและการลงทุนเพิ่มเติม เพื่อใช้ความสามารถของแพลตฟอร์มอย่างเต็มที่
  • มีรูปแบบการนำเสนอราคาที่ซับซ้อน

คะแนนจากลูกค้าของ Gartner: 4.6

ราคา: ราคาแตกต่างกันตามจำนวนอุปกรณ์ปลายทางที่ต้องการติดตั้งและเวอร์ชันต่างๆ

7. Microsoft Defender for Endpoint

Microsoft Defender for Endpoint เป็นที่ยอมรับในความสามารถด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมและแนวคิด "Assume Breach" โดยเป็นแพลตฟอร์ม EDR บนคลาวด์ที่เหมาะสำหรับองค์กร โซลูชันนี้ใช้งาน AI และข้อมูล Threat Intelligence จำนวนมาก เพื่อวางแนวทางป้องกันเชิงรุกต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ขั้นสูง

คุณสมบัติเด่น

  • สถาปัตยกรรมแบบ Cloud-Native
  • สามารถจัดการช่องโหว่ เพื่อจัดลำดับความสำคัญของภัยคุกคาม
  • ตรวจจับพฤติกรรมสำหรับการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำ
  • สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลการตรวจจับภัยคุกคาม

ข้อดี

  • มีการใช้งานอย่างกว้างขวางและได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
  • ผสานรวมเข้ากับระบบนิเวศของ Microsoft ได้อย่างราบรื่น
  • ช่วยลดพื้นผิวการโจมตี (Attack Surface) ด้วยการจัดการช่องโหว่แบบผสมผสาน

ข้อเสีย

  • มีความซับซ้อนสำหรับธุรกิจหรือองค์กรขนาดเล็ก
  • เหมาะกับการใช้งานร่วมกับบริการอื่นๆ ของ Microsoft มากกว่าซอฟต์แวร์

คะแนนจากลูกค้าของ Gartner: 4.3

ราคา: นำเสนอแผนราคา 2 แผนหลักสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งาน

8. ThreatDown Endpoint Detection and Response

ThreatDown Endpoint Detection and Response เป็นโซลูชันที่ได้รับรางวัลและได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ช่วยป้องกันภัยคุกคามที่มุ่งเป้าไปยังเวิร์กสเตชันและเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังมี AI ขั้นสูงและ Machine Learning รวมถึงเทคโนโลยี Heuristic เพื่อระบุการโจมตีทางไซเบอร์

คุณสมบัติเด่น

  • มอบการป้องกันแอนตี้ไวรัสยุคใหม่ (Next-Generation Antivirus)
  • การตรวจจับที่แม่นยำและการตอบสนองที่รวดเร็ว
  • ฟังก์ชัน Ransomware Rollback เพื่อกู้คืนไฟล์
  • การแยกการโจมตีในระดับต่างๆ
  • ทำงานบน Lightweight Agent ตัวเดียว

ข้อดี

  • สามารถระบุและควบคุมภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว
  • ช่วยทำให้การจัดการและการติดตั้งระบบความปลอดภัยง่ายขึ้น
  • คุ้มค่าต่อการลงทุน

ข้อเสีย

  • อาจใช้ทรัพยากรมากเมื่อทำการตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูง

คะแนนจากลูกค้าของ Gartner: 4.7

ราคา: รูปแบบราคาแบบสมัครสมาชิกที่มีหลายระดับให้เลือก

9. Cybereason Defense Platform

ไม่เหมือนกับแพลตฟอร์ม EDR ทั่วไปอื่นๆ Cybereason Defense Platform มุ่งเน้นการระบุการดำเนินการที่เป็นอันตราย (MalOps) และสกัดกั้นภัยคุกคามในช่วงแรกของห่วงโซ่การโจมตี วิธีการนี้เป็นไปได้โดยการรวมโซลูชัน EDR, XDR และ NGAV ซึ่งให้การวิเคราะห์ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นที่มีบริบท

คุณสมบัติเด่น

  • ทำงานบนคอนโซลเดียว (Single Console)
  • ระดับการป้องกันมากถึง 9 ชั้น
  • การแจ้งเตือนภัยคุกคามตามบริบท
  • ฟังก์ชันการตรวจจับและวิเคราะห์ MalOps

ข้อดี

  • ลดความซับซ้อนในการจัดการระบบ
  • คุณสมบัติในการระงับภัยคุกคามที่มีประสิทธิภาพ
  • สามารถการสืบสวนและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ

ข้อเสีย

  • อาจทำให้ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ปลายทางลดลง
  • อาจเกิดปัญหาด้านการใช้งาน ซึ่งกระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้งาน

คะแนนจากลูกค้าของ Gartner: 4.3

ราคา: รูปแบบราคาที่ยืดหยุ่นพร้อมการสมัครสมาชิก

10. WatchGuard EDR

WatchGuard EPDR เป็นโซลูชัน EDR ที่รวบรวมความสามารถในการป้องกันอุปกรณ์ปลายทางแบบดั้งเดิมกับคุณสมบัติการตรวจจับและการตอบสนองขั้นสูง โดยมอบการป้องกันตามลายเซ็น (Signature-Based) ซึ่งใช้เทคโนโลยี AI ที่ช่วยให้สามารถตรวจสอบและจัดหมวดหมู่กิจกรรมของอุปกรณ์ปลายทางได้อย่างต่อเนื่อง

คุณสมบัติเด่น

  • ผสานรวม EPP และ EDR ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว
  • ตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามด้วย AI
  • บริการแอปพลิเคชันแบบ Zero-Trust
  • บริการล่าภัยคุกคามเพิ่มเติมโดยนักวิเคราะห์ความปลอดภัย
  • โมดูลโซลูชันเพิ่มเติมหลายรายการ

ข้อดี

  • วิธีการรักษาความปลอดภัยแบบองค์รวม
  • ตรวจสอบสถานะความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามอย่างรวดเร็ว
  • การสนับสนุนลูกค้าที่ดี

ข้อเสีย

  • การตั้งค่าเริ่มต้นที่มีความซับซ้อน
  • อาจปัญหาเกี่ยวกับการอัปเดตระบบ
  • ต้องการการปรับปรุงกระบวนการโยกย้ายระบบ

ราคา: รูปแบบราคาที่ยืดหยุ่นตามจำนวนอุปกรณ์ปลายทางที่ได้รับการป้องกันและบริการที่เลือกต่างๆ

11. VMware Carbon Black EDR

หากเปรียบเทียบกับโซลูชัน EDR อื่นๆ VMware Carbon Black EDR มีความโดดเด่นด้วยความสามารถในการทำงานในสภาพแวดล้อมแบบออฟไลน์และบนเครือข่าย Air-Gapped ซึ่งช่วยให้องค์กรและธุรกิจมีระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่งโดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา

คุณสมบัติเด่น

  • มองเห็นภัยคุกคามอย่างต่อเนื่องในกิจกรรมของอุปกรณ์ปลายทาง
  • เข้าถึงข้อมูลแบบรวมศูนย์
  • สามารถปรับแต่งการตรวจจับพฤติกรรมได้
  • แสดงภาพห่วงโซ่การโจมตีแบบโต้ตอบ

ข้อดี

  • มองเห็นภัยคุกคามอย่างครอบคลุม
  • ใช้ทรัพยากรของอุปกรณ์ปลายทางค่อนข้างต่ำ
  • ผสานรวมกับผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยอื่นๆ ได้ง่าย
  • คุณสมบัติในการแก้ไขปัญหาแบบเรียลไทม์และรวดเร็ว

ข้อเสีย

  • ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ

คะแนนจากลูกค้าของ Gartner: 4.5

ราคา: รูปแบบราคาแบบสมัครสมาชิกที่แตกต่างกันตามจำนวนอุปกรณ์ปลายทางที่ได้รับการป้องกันและคุณสมบัติที่เลือกใช้งาน

12. Symantec Advanced Threat Protection

Symantec Advanced Threat Protection รวบรวมข้อมูลภัยคุกคามเชิงลึกจากจุดควบคุมหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นเครือข่าย อีเมล หรืออุปกรณ์ปลายทาง โดยโซลูชันนี้สามารถทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์ Symantec อื่นๆ เพื่อยกระดับความปลอดภัยขององค์กร

คุณสมบัติเด่น

  • ความสามารถในการควบคุมและแก้ไขด้วยคลิกเดียว
  • เทคโนโลยีความสัมพันธ์ Synapse สามารถจัดลำดับความสำคัญของภัยคุกคามตามคุณลักษณะ
  • การทำ Sandbox บนคลาวด์ เพื่อวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงของไฟล์ที่ไม่รู้จักได้อย่างปลอดภัย
  • สามารถผสานรวมกับโซลูชัน SIEM ของ Third-Party เพื่อปรับแต่งการตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ได้
  • ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคามแบบไดนามิก สำหรับการค้นหาภัยคุกคามเชิงรุก

ข้อดี

  • มีชื่อเสียงน่าเชื่อถือในภาคอุตสาหกรรมความปลอดภัย
  • การตรวจจับภัยคุกคามอย่างรวดเร็ว
  • ไม่จำเป็นต้องมี Agent หรือติดตั้งระบบเพิ่มเติม
  • มีคุณสมบัติที่ครอบคลุม

ข้อเสีย

  • อาจมีความท้าทาย หากต้องติดตั้งระบบด้วยตนเอง
  • อาจเกิดความซับซ้อนในการอัปเกรดระบบ
  • ขาดความสามารถในการขยายขนาด

คะแนนจากลูกค้าของ Gartner: 4.4

ราคา: รูปแบบราคาที่ยืดหยุ่นตามโมดูลที่เลือกใช้งาน

13. Trellix Endpoint Detection and Response (EDR)

Trellix Endpoint Detection and Response (EDR) มีความสามารถในการผสานการวิเคราะห์ขั้นสูงและการตรวจสอบภัยคุกคามด้วย AI โดยโซลูชันนี้นำเสนอกระบวนการรักษาความปลอดภัยที่ง่ายดายสำหรับบุคลากรทุกระดับ ใช้วิธีการเชิงรุกในการล่าภัยคุกคาม และให้คำแนะนำสำหรับการตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ

คุณสมบัติเด่น

  • การสืบสวนภัยคุกคามด้วย AI
  • การจัดลำดับความสำคัญของภัยคุกคามเชิงรุก
  • การตรวจจับตามพฤติกรรมด้วยกรอบการทำงาน MITRE ATT&CK
  • เครื่องมือการแสดงภาพ (Virtualization Tool)

ข้อดี

  • มุ่งเน้นการล่าภัยคุกคามและการตอบสนองต่อเหตุการณ์
  • ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการ
  • มอบการป้องกันที่ครอบคลุม Attach Vector ต่างๆ
  • ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจนเกี่ยวกับบริบทของภัยคุกคาม

ข้อเสีย

  • ระบบนี้จำเป็นต้องพึ่งพาระบบอัตโนมัติและระบบภายนอก
  • ใช้ทรัพยากรระบบสูง

คะแนนจากลูกค้าของ Gartner: 4.7

ราคา: รูปแบบราคาแบบสมัครสมาชิกที่มีความแตกต่างตามตัวเลือกการติดตั้งต่างๆ

14. VMware Carbon Black Cloud

VMware Carbon Black Cloud ทำงานผ่านเซนเซอร์และคอนโซลเดียว ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลบนอุปกรณ์ปลายทางได้แบบเรียลไทม์ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Cloud-Native จึงนำเสนอการมองเห็นภัยคุกคามที่ครอบคลุมในอุปกรณ์ปลายทาง และตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว

คุณสมบัติเด่น

  • การตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบเรียลไทม์
  • รู้ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับกิจกรรมของอุปกรณ์ปลายทาง
  • มี Watchlist สำหรับเฝ้าดูภัยคุกคามแบบอัตโนมัติ

ข้อดี

  • มอบมุมมองที่ครอบคลุมกิจกรรมบนอุปกรณ์ปลายทาง
  • ความสามารถในการขยายขนาดที่ยืดหยุ่น
  • สามารถผสานรวมกับเครื่องมือรักษาความปลอดภัยอื่นๆ อย่างราบรื่น

ข้อเสีย

  • มีข้อกำจัดในการขอความช่วยเหลือจากทีมสนับสนุน
  • เป็นโซลูชันที่ใช้ทรัพยากรระบบค่อนข้างมาก
  • อินเทอร์เฟซที่ไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน

คะแนนจากลูกค้าของ Gartner: 4.6

ราคา: รูปแบบราคาแบบสมัครสมาชิก

15. Sophos Intercept X Advanced with EDR

Sophos Intercept X Advanced with EDR รวบรวมความสามารถในการตรวจจับมัลแวร์และเทคโนโลยี Anti-Exploit เข้ากับฟีเจอร์อื่นๆ บนอุปกรณ์ปลายทาง จึงเป็นโซลูชันที่เป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมในด้านของความสามารถในการระงับภัยคุกคามก่อนที่จะเกิดขึ้น

คุณสมบัติเด่น

  • การตรวจจับมัลแวร์ด้วยฟังก์ชัน Deep Learning และเทคโนโลยี Anti-Exploit
  • เทคโนโลยี CryptoGuard ต่อต้าน Ransomware พร้อมความสามารถ Rollback เพื่อกู้ข้อมูล
  • การสืบสวนที่มีคำแนะนำและการตอบสนองด้วยคลิกเดียว
  • ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคามที่รวบรวมตามต้องการ

ข้อดี

  • ง่ายต่อการใช้งานและเข้าถึงคุณสมบัติ EDR
  • มอบการป้องกันที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพต่อภัยคุกคามที่หลากหลาย
  • ฟีเจอร์การสกัดกั้นภัยคุกคามขั้นสูง

ข้อเสีย

  • อินเทอร์เฟซการใช้งานที่มีความซับซ้อน
  • อาศัยทรัพยากรระบบจำนวนมาก

คะแนนจากลูกค้าของ Gartner: 4.7

ราคา: มีรูปแบบราคาต่างๆ รวมถึงการสมัครสมาชิกต่อผู้ใช้หรือต่อเซิร์ฟเวอร์

ติดต่อเราเพื่อสอบถามข้อมูลธุรกิจ

คำถามที่พบบ่อย

แม้ว่าการป้องกันภัยไซเบอร์ ผ่าน EDR จะมอบการป้องกันอุปกรณ์ปลายทางที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ใช่การทดแทนเครื่องมือได้ทั้งหมด เนื่องจากโซลูชันนี้โดดเด่นในการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคาม แต่อาจขาดความสามารถของเครื่องมืออื่นๆ ซึ่งการรวม EDR กับโซลูชันอื่น เช่น Next-Generation Firewall (NGFW) และระบบความปลอดภัยอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้มีกลยุทธ์การป้องกันที่ครอบคลุม

ความท้าทายหลักที่บริษัทมักประสบเมื่อนำ EDR Solutions มาใช้คือการจัดการปริมาณการแจ้งเตือนจาก EDR ซึ่งการแจ้งเตือนผิดพลาด (False Positive) อาจสร้างปัญหาให้กับทีมรักษาความปลอดภัย ดังนั้นองค์กรจึงต้องปรับใช้ระบบ EDR อย่างมีประสิทธิภาพ จัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือน และลงทุนในความสามารถในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์

ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดขององค์กร อุตสาหกรรม ภูมิทัศน์ของภัยคุกคาม งบประมาณ และโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยที่มีอยู่ ซึ่งผู้ให้บริการ EDR ที่เหมาะสมควรนำเสนอฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ครอบคลุม ความสามารถในการตรวจจับที่แข็งแกร่ง ความสะดวกในการใช้งาน ตัวเลือกในการผสานรวมกับระบบอื่นๆ บริการสนับสนุนลูกค้า และราคาที่ตอบโจทย์ นอกจากนี้ ควรขอดูการสาธิตการใช้งาน (Demo) และทดลองใช้ผลิตภัณฑ์เองอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจถึงคุณภาพของโซลูชันดังกล่าว

Search

Get in Touch

Get in Touch with Sangfor Team for Business Inquiry

Name
Email Address
Business Phone Number
Tell us about your project requirements

Related Articles

Cyber Security

รู้จัก ChatGPT และ Cyber Security Risks ที่มาพร้อมกับ ChatGPT

Date : 12 Jun 2025
Read Now
Cyber Security

Cartier Confirms Customer Data Breach Amid Growing Cybersecurity Concerns in Retail

Date : 06 Jun 2025
Read Now
Cyber Security

Marks & Spencer Cyberattack: A Wake-Up Call for Supply Chain Cybersecurity

Date : 26 May 2025
Read Now

See Other Product

Platform-X
Sangfor Access Secure - โซลูชัน SASE
Sangfor SSL VPN
Best Darktrace Cyber Security Competitors and Alternatives in 2025
Sangfor Omni-Command
Sangfor Endpoint Secure แอนตี้ไวรัสยุคใหม่ (NGAV) สำหรับองค์กรของคุณ