ในโลกธุรกิจยุคดิจิทัล การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้องค์กรทุกขนาดสามารถเข้าถึงตลาดใหม่และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะ “ไวรัสคอมพิวเตอร์” ที่เป็นภัยคุกคามสำหรับธุรกิจทุกประเภท ดังนั้นมาเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นเกี่ยวกับไวรัสคอมพิวเตอร์และวิธีปกป้องธุรกิจของคุณ

ไวรัสคอมพิวเตอร์ อันตรายที่ควรรู้และวิธีป้องกันสำหรับธุรกิจ1

ไวรัสคอมพิวเตอร์ คืออะไร?

ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) คือ โปรแกรมที่มีความประสงค์ร้าย หรือมัลแวร์ (Malware) ชนิดหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อแทรกตัวเข้าไปในโปรแกรมอื่น โดยมีความสามารถในการทำซ้ำ (Duplicate) และแพร่กระจายไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ เมื่อไวรัสทำงานโดยการแก้ไขโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยการแทรกโค้ด (Code) ของตัวเองเข้าไป หากไวรัสกระจายตัวได้สำเร็จ อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบจะถือว่า "ติดเชื้อ" จากไวรัสคอมพิวเตอร์นั่นเอง

ไวรัสสามารถสร้างความเสียหายได้ในหลายด้าน ทั้งต่อระบบคอมพิวเตอร์ ไฟล์ในเครื่อง รวมถึงการขโมยข้อมูล ขัดขวางบริการ ทำการดาวน์โหลดมัลแวร์เพิ่มเติม หรือการกระทำอื่น ๆ ที่แฮกเกอร์หรือผู้ไม่ประสงค์ดีได้เขียนโค้ดไว้ในไวรัส นอกจากนี้ ไวรัสมักจะถูกออกแบบให้ดูเหมือนเป็นโปรแกรมปกติทั่วไป เพื่อหลอกให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดหรือติดตั้งลงบนอุปกรณ์ของพวกเขา

ไวรัสคอมพิวเตอร์เกิดจากอะไร?

ไวรัสคอมพิวเตอร์เป็นโปรแกรม/ซอฟต์แวร์ที่ถูกเขียนขึ้นมา คล้ายกับโปรแกรมทั่ว ๆ ไป แต่สร้างขึ้นเพื่อให้สามารถคัดลอกตัวเอง และแทรกเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์หรือไฟล์ต่าง ๆ ได้อย่างแนบเนียน โดยส่วนมาก ไวรัสจะเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ผ่านการเปิดใช้งานไฟล์ หรือโปรแกรมที่ติดไวรัส เช่น

  • การเปิดไฟล์แนบในอีเมลที่มีมัลแวร์แฝงอยู่โดยไม่รู้ตัว
  • การใช้แฟลชไดรฟ์หรือแผ่นดิสก์ที่ติดไวรัส
  • การคลิกลิงก์ที่มีโค้ดอันตราย

นอกจากนี้ ไวรัสคอมพิวเตอร์ยังเกิดขึ้นจากช่องโหว่ของระบบปฏิบัติการหรือซอฟต์แวร์ที่ขาดการอัปเดต ส่งผลให้แฮกเกอร์สามารถส่งไวรัสเข้ามาควบคุมระบบได้ รวมถึงการขาดการใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัส เช่น ไฟร์วอลล์ (Firewall) หรือ Next-Generation Firewall (NGFW) ที่ไม่ได้อัปเดตฐานข้อมูลไวรัสอย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ไวรัสสามารถเข้ามาคุกคามระบบได้

ไวรัสคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท? รู้จักกับไวรัสรูปแบบต่างๆ

ไวรัสคอมพิวเตอร์ อันตรายที่ควรรู้และวิธีป้องกันสำหรับธุรกิจ2

ไวรัสคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท? การศึกษาไวรัสรูปแบบต่าง ๆ นั้นสำคัญสำหรับการเข้าใจภัยคุกคาม โดยแต่ไวรัสแต่ละประเภทมีวิธีการทำงานและส่งผลกระทบที่แตกต่างกัน

Worms (เวิร์ม) 

Worms หรือ Computer Worms ถือว่าเป็นหนึ่งในชนิดมัลแวร์ที่มีความอันตรายที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสามารถก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้างภายในเวลาระยะสั้นๆ โดย Worms จะอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในการแพร่กระจายจากอุปกรณ์หนึ่งไปอีกอุปกรณ์หนึ่งด้วยการก๊อปปี้ตัวเอง เช่นการแพร่กระจายผ่านไฟล์แนบในอีเมล ไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต หรือแม้กระทั่งการเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่าน USB

Boot Sector Virus (บูตเซกเตอร์ไวรัส)

เรียกสั้น ๆ ว่า Boot Virus จะแฝงตัวอยู่ในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เช่น ฮาร์ดดิสก์หรือแฟลชไดรฟ์ ซึ่งโดยปกติ Boot Sector นั้นเป็นส่วนที่เก็บโปรแกรมเล็ก ๆ ที่ใช้สำหรับเรียกใช้งานระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ และจะเริ่มการโจมตีทันทีเมื่อเปิดเครื่อง โดยไวรัสจะมุ่งไปที่ Master Boot Record ก่อนจะเคลื่อนย้ายไปที่หน่วยความจำและเริ่มทำงานตามโค้ดที่เขียนไว้ เช่น ทำลายไฟล์ข้อมูลในเครื่อง ขัดขวางการทำงานของระบบ หรือแพร่กระจายตัวไปยังฮาร์ดดิสก์อื่น ๆ ภายในคอมพิวเตอร์

Macro Virus (มาโครไวรัส)

มาโครไวรัส เป็นหนึ่งในรูปแบบไวรัสที่จะแฝงตัวในไฟล์เอกสาร เช่น ไฟล์ Microsoft Word หรือ Excel โดยใช้ภาษามาโครที่มีในโปรแกรมเหล่านี้ ซึ่งไวรัสประเภทนี้จะทำงานเมื่อเปิดเอกสารที่ติดเชื้อไวรัส

Trojans (โทรจัน)

Trojans เป็นมัลแวร์ชนิดหนึ่งที่ปลอมแปลงลักษณะให้ดูเหมือนโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่ดูน่าเชื่อถือ เพื่อหลอกล่อให้ผู้ใช้ติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของตน แต่จริง ๆ แล้ว Trojans เป็นตัวนำมัลแวร์เข้าสู่ระบบและอุปกรณ์ โดยเมื่อ Trojans ถูกติดตั้งลงในอุปกรณ์แล้ว อาจทำการดาวน์โหลดไวรัสหรือมัลแวร์อันตรายชนิดต่าง ๆ เพิ่มเติมลงบนคอมพิวเตอร์นั่นเอง

Stealth Virus (สเทลต์ไวรัส)

Stealth Virus ถูกออกแบบมาให้ซ่อนตัวจากโปรแกรม Anti-Virus หรือผู้ใช้งาน โดยการปรับเปลี่ยนโค้ดของตัวเองหรืออำพรางตัวในระบบปฏิบัติการ เช่น การแสดงขนาดไฟล์ที่ติดไวรัสให้เหมือนกับไฟล์ปกติ หรือการซ่อนตัวในหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำให้ยากต่อการตรวจจับ ซึ่งการป้องกัน Stealth Virus จำเป็นต้องใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ทันสมัยและมีความสามารถตรวจจับไวรัสที่ซ่อนตัว

Polymorphic Virus (โพลีมอร์ฟิกไวรัส)

Polymorphic Virus เป็นไวรัสที่มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบโค้ดของตัวเองทุกครั้งที่มีการทำซ้ำ (Duplicate) โดยอาจเปลี่ยนแปลงได้หลายร้อยรูปแบบที่ต่างกัน แต่ยังคงมีหลักการทำงานเหมือนเดิม ทำให้ยากต่อการตรวจจับโดยโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ใช้ลายเซ็นไวรัสในการระบุภัยคุกคาม

File Virus (ไฟล์ไวรัส)

File Virus มักจะแนบตัวเองเข้ากับไฟล์ที่เป็นแบบ Executable หรือเปิดใช้งานได้ เช่น ไฟล์ .exe หรือ .dll เป็นต้น และจะทำงานเมื่อไฟล์นั้นถูกเรียกใช้งาน โดยไวรัสประเภทนี้อาจแพร่กระจายไปยังหน่วยความจำและไฟล์อื่น ๆ ในระบบ

Ransomware (มัลแวร์เรียกค่าไถ่)

Ransomware เป็นมัลแวร์ที่เข้ารหัสไฟล์ของผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นหนึ่งในมัลแวร์ที่สร้างความเสียหายให้แก่ธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกได้อย่างมหาศาล โดยหลังจาก Ransomware เข้ารหัสไฟล์สำเร็จแล้ว แฮกเกอร์มักจะเรียกร้องให้องค์กรชำระค่าไถ่ ก่อนที่จะปลดล็อกไฟล์เหล่านั้น โดย แฮกเกอร์มักจะเรียกร้องการชำระเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin ที่ติดตามได้ยาก

10 สัญญาณที่บ่งชี้ว่าคอมพิวเตอร์ติดไวรัส

การสังเกตว่าคอมพิวเตอร์ของคุณติดไวรัสหรือไม่นั้น เป็นข้อปฏิบัติสำคัญในการจัดการและป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม โดยสัญญาณทั่วไปที่บ่งชี้การติดเชื้อไวรัสมี ดังนี้

  1. การทำงานของคอมพิวเตอร์ช้าลงอย่างผิดปกติ
  2. เมื่อเปิดเว็บไซต์หนึ่ง แต่ Redirect ไปยังเว็บไซต์อื่น
  3. หน้าต่างป๊อปอัปปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง
  4. โปรแกรมเริ่มทำงานเองหรือเปิด-ปิดโดยอัตโนมัติโดยไม่ได้สั่งการ
  5. รหัสผ่านของบัญชีมีการเปลี่ยนแปลง
  6. ไฟล์บางชิ้นหายไป หรือไม่สามารถเข้าถึงได้
  7. อีเมลถูกส่งออกไปโดยอัตโนมัติไปยังรายชื่อติดต่อของคุณ
  8. หน้าแรกของเว็บเบราว์เซอร์หรือแถบเครื่องมือเปลี่ยนไป
  9. ข้อความแจ้งเตือนหรือแสดงข้อผิดพลาดปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง
  10. คอมพิวเตอร์มักค้างหรือรีสตาร์ทเองบ่อยครั้ง

แนวทางป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์สำหรับธุรกิจ

การป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับธุรกิจทุกขนาด โดยมีมาตรการที่องค์กรควรดำเนินการ ดังนี้

1. ติดตั้งโซลูชันป้องกันไวรัสที่ครอบคลุม

การมีซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่มีประสิทธิภาพและอัปเดตอยู่เสมอเป็นเส้นป้องกันแรกของคุณต่อไวรัสคอมพิวเตอร์ เช่น โซลูชัน Endpoint Detection and Response (EDR) ที่ทันสมัย สามารถตรวจจับและกำจัดภัยคุกคามก่อนที่จะสร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์ หรือเครือข่ายของบริษัท

2. ใช้ไฟร์วอลล์เพื่อปกป้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ไฟร์วอลล์ (Firewall) เป็นชุดโปรแกรมที่ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้มัลแวร์ต่าง ๆ เข้าถึงข้อมูลบนเครือข่าย โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไฟร์วอลล์ของระบบปฏิบัติการเปิดใช้งานอยู่ตลอดและได้รับการอัปเดตอย่างเสมอ นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีอย่าง Next-Generation Firewall (NGFW) ที่มีความสามารถขั้นสูงเหนือกว่าไฟร์วอลล์ดั้งเดิม โดยรวมเอาคุณสมบัติการตรวจจับการบุกรุก การป้องกันมัลแวร์ขั้นสูง และการควบคุมแอปพลิเคชันเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งสามารถมอบประสิทธิภาพการป้องกันที่มากขึ้นได้

3. สร้างแผนปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์มือถือ

สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง ๆ ที่ใช้งานภายในองค์กรสามารถสร้างความท้าทายในการจัดการและการรักษาความปลอดภัย โดยองค์กรควรกำหนดนโยบายให้พนักงานป้องกันอุปกรณ์ของตนด้วยการตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรง เข้ารหัสข้อมูล และติดตั้งแอปพลิเคชันสำหรับรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม เพื่อป้องกันการขโมยข้อมูลเมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อกับเครือข่ายสาธารณะ

4. ใช้ Secure Web Gateway ป้องกันการเข้าถึงเว็บไซต์อันตราย

Secure Web Gateway เป็นโซลูชันที่กรองทราฟฟิกบนเว็บไซต์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้งานเข้าถึงเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายหรือเว็บไซต์ต้องห้าม ที่สามารถช่วยป้องกันการติดมัลแวร์และการโจมตีแบบฟิชชิง (Phishing) ได้ดี

5. ฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับหลักการความปลอดภัย

องค์กรจำเป็นต้องสร้างความตระหนักรู้แก่พนักงานและบุคลากรในทุกระดับเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ และการหลอกลวงจากมิจฉาชีพในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟิชชิง (Phishing) สแกมเมอร์ หรืออื่น ๆ

6. ใช้ระบบการตรวจจับและตอบสนองขั้นสูง

เทคโนโลยี Endpoint Detection and Response (EDR) และ Managed Detection and Response (MDR) สามารถตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามขั้นสูงที่อาจหลบเลี่ยงการป้องกันแบบดั้งเดิมได้

7. ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล

โดยโซลูชัน Data Loss Prevention สามารถช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนรั่วไหลออกจากองค์กร ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงเป็นอีกหนึ่งระบบรักษาความปลอดภัยที่องค์กรควรติดตั้งในทุกอุปกรณ์และคอมพิวเตอร์

8. สำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

การสำรองข้อมูลที่สำคัญอย่างสม่ำเสมอช่วยให้มั่นใจว่าคุณจะสามารถกู้คืนได้ในกรณีที่เกิดการโจมตีด้วย Ransomware หรือภัยคุกคามอื่น ๆ โดยอาจพิจารณาใช้โซลูชันสำรองข้อมูลบน Cloud Computing Hybrid เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

9. อัปเดตซอฟต์แวร์และระบบอย่างสม่ำเสมอ

ไวรัสคอมพิวเตอร์สามารถเข้าถึงระบบได้อย่างง่ายดาย ผ่านช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้รับการอัปเดต ดังนั้น องค์กรและทีม IT ควรตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่า ระบบปฏิบัติการ เบราว์เซอร์เว็บ และแอปพลิเคชันทั้งหมดได้รับการอัปเดตด้วยแพตช์ความปลอดภัยล่าสุด

10. ดำเนินการตามแนวทาง Zero Trust และ Principle of Least Privilege

เพื่อความปลอดภัยสูงสุด องค์กรควรจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลของพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับใช้นโยบาย Zero Trust ที่ต้องมีการยืนยันตัวตนทุกครั้งก่อนเข้าถึงข้อมูลใด ๆ รวมถึงใช้หลักการของการให้สิทธิ์น้อยที่สุด (Principle of Least Privilege: PoLP) โดยกำหนดให้พนักงานได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงเฉพาะส่วนที่จำเป็นต่อการทำงานของตนเท่านั้น และไม่ให้สิทธิ์เกินความจำเป็น

ไวรัสคอมพิวเตอร์และภัยคุกคามทางไซเบอร์อื่น ๆ ยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับธุรกิจในยุคดิจิทัลนี้ การทำความเข้าใจประเภทของภัยคุกคาม วิธีการแพร่กระจาย และมาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลและระบบขององค์กร ทั้งนี้ ด้วยการปรับใช้โซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ครอบคลุม ธุรกิจจะสามารถมั่นใจได้ว่าได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน

สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จาก Sangfor ได้ที่ www.sangfor.com หรือติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อขอรับคำปรึกษาเพิ่มเติม และเริ่มปกป้องธุรกิจของคุณจากไวรัสคอมพิวเตอร์และภัยคุกคามในโลกดิจิทัล

Search

Get in Touch

Get in Touch with Sangfor Team for Business Inquiry

Name
Email Address
Business Phone Number
Tell us about your project requirements

Related Glossaries

Cyber Security

What Is Cookie-Bite Attack?

Date : 08 May 2025
Read Now
Cyber Security

What is Data Center Colocation?

Date : 04 Jun 2025
Read Now
Cyber Security

What Is Healthcare Cybersecurity?

Date : 30 May 2025
Read Now

See Other Product

Sangfor Omni-Command
Sangfor Endpoint Secure แอนตี้ไวรัสยุคใหม่ (NGAV) สำหรับองค์กรของคุณ
SASE ROI Calculator - Assess Sangfor SASE’s Total Economic Impact
Cyber Command - NDR Platform - Sangfor Cyber Command - แพลตฟอร์ม NDR
Sangfor Endpoint Secure
Internet Access Gateway (IAG)