ข้อมูลรั่วไหล Data Leak คือ การที่ข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลสำคัญขององค์กรถูกส่งออกไปนอกองค์กรโดยไม่ได้รับอนุญาตและตกไปอยู่ในมือของบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์ให้เข้าถึงข้อมูลนั้น การรั่วไหลของข้อมูล (Data Breach) ถือเป็นเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อองค์กรทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ หน่วยงานรัฐบาล รวมถึงองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอีกด้วย

ข้อมูลรั่วไหลคืออะไร?

ข้อมูลทุกรูปแบบสามารถรั่วไหลออกจากเครือข่ายขององค์กรได้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่มักตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์หรือมิจฉาชีพ ได้แก่

  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุตัวตนได้ (PII) เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประชาชน หรือวันเกิด เป็นต้น
  • ข้อมูลทางการเงิน เช่น หมายเลขบัตรเครดิต ข้อมูลบัญชีธนาคาร
  • ข้อมูลธุรกิจที่เป็นความลับ เช่น แผนธุรกิจ ข้อมูลลูกค้า หรือทรัพย์สินทางปัญญา
  • ข้อมูลด้านสุขภาพ เช่น ประวัติการรักษาพยาบาล
  • ข้อมูลการดำเนินงานที่สำคัญขององค์กร หรือข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้า

ผลกระทบจากข้อมูลรั่วไหลมีความรุนแรงและส่งผลใยวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อชื่อเสียง การสูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้าและพาร์ทเนอร์ ความเสียหายทางการเงิน การหยุดชะงักของการดำเนินธุรกิจ และอาจมีผลกระทบทางกฎหมาย ดังนั้น การทำความเข้าใจและป้องกันข้อมูลรั่วไหล จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกองค์กรในปัจจุบัน

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดข้อมูลรั่วไหลในองค์กร

ข้อมูลรั่วไหล สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุและหลายช่องทาง ซึ่งองค์กรจำเป็นต้องเข้าใจถึงรูปแบบการรั่วไหล เพื่อให้สามารถหาวิธีป้องกันข้อมูลรั่วไหลที่มีประสิทธิภาพ ฉะนั้นมาดูกันว่าข้อมูลรั่วไหลมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง

1. การโจรกรรมข้อมูลโดยแฮกเกอร์ภายนอก

การโจรกรรมข้อมูลอันเนื่องมาจากแฮกเกอร์เป็นกรณีข้อมูลรั่วไหลที่พบได้บ่อยที่สุด โดยแฮกเกอร์จะโจมตีระบบ และเข้าถึงข้อมูลสำคัญขององค์กร ซึ่งอาจสาเหตุมักมาจากระบบรักษาความปลอดภัยที่ไม่รัดกุมมากพอ ไม่มีการตรวจจับการเข้าถึงระบบจากภายนอก การตั้งค่าระบบที่ผิดพลาด หรืออาจมีช่องโหว่ในระบบที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

ในกรณีข้อมูลรั่วไหลระดับบุคคล หรือข้อมูลส่วนตัวของพนักงานรั่วไหลอาจถูกนำไปใช้ในการสวมรอยหรือขโมยเงินจากบัญชีธนาคาร แต่หากข้อมูลรั่วไหลในระดับองค์กร ข้อมูลเหล่านั้นอาจถูกนำไปขายต่อให้บุคคลที่สามในดาร์กเว็บ (Dark Web) หรือถูกเรียกค่าไถ่ด้วย Ransomware หรือในอีกกรณีหนึ่ง ข้อมูลที่เป็นความลับอาจถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ ส่งผลให้องค์กรเสียชื่อเสียง ขาดความน่าเชื่อถือ และในกรณีร้ายแรงอาจส่งผลถึงขั้นล้มละลาย

2. การปล่อยข้อมูลโดยไม่ตั้งใจจากบุคลากรภายใน

ในบางครั้ง พนักงานหรือบุคลากรภายในองค์กรอาจเป็นสาเหตุของข้อมูลรั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น

  • การส่งอีเมลที่มีไฟล์สำคัญแนบไปให้ผิดคน
  • การโพสต์ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนบนโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • มีการใช้ช่องทางสื่อสารที่ไม่ปลอดภัย หรือไม่ได้มีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมมากพอ
  • การตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงแบบฟิชชิง (Phishing)

ข้อมูลที่หลุดออกไปอาจเป็นข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงถึงบุคคลได้ เช่น ชื่อ-นามสกุล เบอร์มือถือ เลขบัญชี หรืออีเมล ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การสวมรอย การโจรกรรมข้อมูล การฉ้อโกง ฯลฯ

3. การตั้งค่าระบบที่ไม่ปลอดภัย

เจ้าหน้าที่ไอทีหรือผู้ดูแลระบบอาจตั้งค่าระบบไม่ถูกต้องหรือไม่รัดกุมพอ ทำให้เกิดช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้ามาได้ ตัวอย่างเช่น

  • ไม่อัปเดตซอฟต์แวร์หรือแพตช์ความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ
  • การตั้งค่า ไฟร์วอลล์ (Firewall) ที่ไม่เหมาะสม
  • ขาดการตรวจจับและป้องกันการบุกรุกจากภายนอก

4. การโจรกรรมข้อมูลโดยคนใน

ในบางครั้งข้อมูลรั่วไหลอาจเกิดจากคนในองค์กรเองที่มีเจตนาร้าย เช่น พนักงานที่ไม่พอใจในองค์กรหรือกำลังจะลาออก พนักงานที่ถูกว่าจ้างให้แฝงตัวมาจากบริษัทคู่แข่งเพื่อขโมยข้อมูล หรือผู้ที่ต้องการหาประโยชน์จากข้อมูลลับขององค์กร โดยข้อมูลที่ถูกขโมยอาจเป็นข้อมูลทางการค้า แผนธุรกิจ ข้อมูลลูกค้า หรือข้อมูลสำคัญอื่น ๆ ขององค์กร

5. การใช้วิธีการส่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย

องค์กรอาจมีการส่งข้อมูลออกไปภายนอกโดยใช้ช่องทางหรือวิธีการที่ไม่ปลอดภัยเพียงพอ เช่น

  • การใช้ File Transfer Protocol (FTP) ที่ไม่มีการเข้ารหัส
  • มีการอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ USB ที่ไม่ได้รับการควบคุม
  • ไม่มีนโยบายการเข้ารหัสข้อมูลที่ส่งออกนอกองค์กร
  • การใช้บริการ Cloud Computing ที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่ได้มาตรฐาน

วงจรการโจรกรรมข้อมูลและการรั่วไหลของข้อมูล

การโจมตีที่ส่งผลให้ข้อมูลรั่วไหลมักมีขั้นตอนและวงจรที่ชัดเจน การทำความเข้าใจวงจรดังกล่าวจะช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนป้องกันได้ในทุกขั้นตอน

1. การสำรวจและค้นหาช่องโหว่

แฮกเกอร์มักจะเริ่มต้นด้วยการสำรวจระบบขององค์กร เพื่อค้นหาจุดอ่อนหรือช่องโหว่ในระบบรักษาความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้รับการอัปเดต ช่องโหว่ในเว็บแอปพลิเคชัน หรือแม้แต่การตั้งค่าไฟร์วอลล์ที่ไม่เหมาะสม

2. การเจาะระบบเบื้องต้น

เมื่อพบช่องโหว่ แฮกเกอร์จะใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงระบบเบื้องต้น เช่น การโจมตีด้วย Phishing ผ่านอีเมลที่ดูคล้ายอีเมลจริง เพื่อหลอกให้ผู้ใช้เปิดเผยข้อมูลหรือติดตั้งมัลแวร์ การใช้มัลแวร์หรือโทรจันเพื่อเจาะระบบ การเดารหัสผ่านแบบ Brute Force Attack รวมถึงการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

3. การขยายสิทธิและการเคลื่อนที่ภายในระบบ

หลังจากเข้าถึงระบบได้แล้ว แฮกเกอร์จะพยายามขยายสิทธิและเคลื่อนที่ไปยังส่วนต่าง ๆ ของระบบเพื่อเข้าถึงข้อมูลที่มีค่ามากขึ้น โดยการเพิ่มระดับสิทธิการเข้าถึงเพื่อขโมยข้อมูลที่สำคัญ ค้นหาข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบ การเข้าไปยังเซิร์ฟเวอร์หรือระบบอื่น ๆ ในเครือข่ายขององค์กร

4. การรวบรวมและถ่ายโอนข้อมูล

เมื่อเข้าถึงข้อมูลเป้าหมายได้แล้ว แฮกเกอร์จะทำการรวบรวมและถ่ายโอนข้อมูลออกไปจากระบบ โดยอาจใช้ช่องทางการสื่อสารที่ซ่อนเร้น ส่งข้อมูลออกไปทางช่องทางที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ หรือบีบอัดและเข้ารหัสข้อมูลเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากระบบรักษาความปลอดภัย

5. การลบร่องรอย

ในขั้นตอนสุดท้าย แฮกเกอร์มักจะพยายามลบร่องรอยการโจมตี เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ โดยลบบันทึกการเข้าถึงระบบ (Log Files) ปิดใช้งานระบบตรวจจับการบุกรุก หรือซ่อนช่องทางการเข้าถึงและใส่ Backdoor ไว้สำหรับการโจมตีในอนาคต

เทคโนโลยีและวิธีป้องกันข้อมูลรั่วไหลที่มีประสิทธิภาพ

การป้องกันข้อมูลรั่วไหลจำเป็นต้องใช้แนวทางที่ครอบคลุมและเทคโนโลยีที่หลากหลาย มาดูกันว่าจะมีวิธีป้องกันข้อมูลรั่วไหลอย่างไรบ้างที่องค์กรควรพิจารณานำมาใช้

1. การใช้ Next-Generation Firewall (NGFW)

Next-Generation Firewall หรือ NGFW เป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยกว่าไฟร์วอลล์แบบดั้งเดิม โดยมีคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การตรวจสอบแพ็กเก็ตเชิงลึก (Deep Packet Inspection) การป้องกันการบุกรุก (Intrusion Prevention) การกรองเว็บไซต์ (URL Filtering) รวมถึงการตรวจจับและป้องกันมัลแวร์ขั้นสูง NGFW จะช่วยป้องกันการเข้าถึงระบบจากภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต และช่วยตรวจจับการโจมตีที่อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลออกสู่ภายนอก

2. ระบบป้องกันการสูญหายของข้อมูล (Data Loss Prevention: DLP)

ระบบ Data Loss Prevention เป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล โดยจะตรวจสอบและควบคุมการถ่ายโอนข้อมูลที่ออกจากองค์กร ระบุและติดตามข้อมูลที่มีความอ่อนไหว พร้อมป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ส่งข้อมูลสำคัญออกนอกองค์กรโดยไม่ได้รับอนุญาต และจะแจ้งเตือนเมื่อมีการพยายามส่งข้อมูลที่ละเอียดอ่อนออกนอกองค์กร

3. ระบบตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามขั้นสูง

เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น EDR (Endpoint Detection and Response) และ MDR (Managed Detection and Response) ช่วยให้องค์กรสามารถตรวจจับภัยคุกคามบนอุปกรณ์ปลายทางแบบเรียลไทม์ วิเคราะห์พฤติกรรมที่น่าสงสัยเพื่อค้นหาการโจมตีที่ซับซ้อน พร้อมตอบสนองต่อภัยคุกคามโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล อีกทั้งยังสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคามเพื่อปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยในอนาคต

4. Secure Web Gateway (SWG)

Secure Web Gateway เป็นโซลูชันที่ช่วยป้องกันข้อมูลรั่วไหลผ่านทางเว็บไซต์ ด้วยการคัดกรองการเข้าถึงเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย พร้อมป้องกันการส่งข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาตผ่านทางเว็บแอปพลิเคชันและมัลแวร์ที่แพร่กระจายผ่านทางเว็บ

5. การเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption)

การเข้ารหัสข้อมูลเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันข้อมูลรั่วไหล เพราะแม้ข้อมูลที่มีการเข้ารหัสจะถูกขโมยไป แต่แฮกเกอร์จะไม่สามารถเปิดอ่านหรือนำข้อมูลไปใช้ได้ หากไม่ถอดรหัสข้อมูลเสียก่อน โดยการเข้ารหัสดังกล่าวสามารถใช้ได้กับข้อมูลทั้งที่อยู่นิ่ง (Data at Rest) และข้อมูลที่กำลังเคลื่อนที่ (Data in Transit) ในอีกนัยหนึ่ง Data Encryption ถือเป็นมาตรการป้องกันสุดท้ายเมื่อมาตรการอื่น ๆ ล้มเหลวและข้อมูลรั่วไหลออกไปสู่สาธารณะ

6. การใช้ Cloud Computing แบบ Hybrid ที่ปลอดภัย

Cloud แบบ Hybrid ที่มีการแยกจัดเก็บข้อมูลและรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม สามารถช่วยป้องกันข้อมูลรั่วไหลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มจากการแยกแยะข้อมูลที่มีความอ่อนไหวไว้ในคลาวด์ส่วนตัว (Private Cloud) ประกอบกับมีการเข้ารหัสข้อมูลที่เก็บไว้บนคลาวด์ ประกอบกับการควบคุมการเข้าถึงที่เข้มงวด นอกจากนี้ผู้ให้บริการคลาวด์นั้นอาจมีมาตรการตรวจสอบและเฝ้าระวังกิจกรรมบนคลาวด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยอีกระดับ

ในยุคปัจจุบันที่ที่ข้อมูลดิจิทัลมีค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ การป้องกัน ข้อมูลรั่วไหล ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนในองค์กร การเรียนรู้ถึงรูปแบบ สาเหตุ และวิธีการป้องกันข้อมูลรั่วไหลที่ครอบคลุมนั้น จะช่วยให้องค์กรสามารถปกป้องข้อมูลที่เป็นความลับและมีค่าได้

สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จาก Sangfor ได้ที่ www.sangfor.com หรือติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อขอรับคำปรึกษาเพิ่มเติม และเริ่มปกป้องธุรกิจของคุณจากไวรัสคอมพิวเตอร์และภัยคุกคามในโลกดิจิทัลอื่น ๆ

Search

Get in Touch

Get in Touch with Sangfor Team for Business Inquiry

Name
Email Address
Business Phone Number
Tell us about your project requirements

Related Glossaries

Cyber Security

What Is Data Backup and Recovery?

Date : 09 May 2025
Read Now
Cyber Security

What Is Cookie-Bite Attack?

Date : 08 May 2025
Read Now
Cyber Security

การยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน (2FA) ตัวช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล

Date : 08 May 2025
Read Now

See Other Product

Cyber Command - NDR Platform - Sangfor Cyber Command - แพลตฟอร์ม NDR
Sangfor Endpoint Secure
Internet Access Gateway (IAG)
Sangfor Network Secure - Next Generation Firewall (NGFW)
Platform-X
Sangfor Access Secure - โซลูชัน SASE