ในยุคแห่งดิจิทัลนี้ การป้องกันความเป็นส่วนตัวของข้อมูลได้กลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดย ข้อมูลขององค์กรมากกว่า 60% ถูกเก็บไว้บน Cloud ทำให้เห็นว่าองค์กรต่างๆ หันไปใช้สภาพแวดล้อมแบบ Cloud-Based ทั้งนี้ ภัยคุกคามทางไซเบอร์ก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยการรั่วไหลของข้อมูล (Data Breaches) ส่งผลให้ธุรกิจเกิดความเสียหายโดยเฉลี่ย 4.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อหนึ่งการโจมตี ด้วยเหตุนี้ทำให้การปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลและข้อมูลที่มีความอ่อนไหวกลายเป็นความสำคัญลำดับสูงสุดของธุรกิจ เนื่องจากช่องโหว่ในระบบคลาวด์อาจนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรงต่อชื่อเสียง เงินทุนของธุรกิจ และอาจเป็นการละเมิดกฎข้อบังคับ ดังนั้น Cloud Security จึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยสนับสนุนธุรกิจในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่เก็บไว้ ด้วยการมุ่งเน้นไปที่ความท้าทายด้านความปลอดภัยและปรับตัวให้เข้ากับความซับซ้อนของ Cloud Computing ซึ่งโซลูชัน Cloud Security ที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้องค์กรสามารถลดความเสี่ยง รักษาความลับของข้อมูล และสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

Cloud Security คืออะไร?

Cloud security คือ ชุดเทคโนโลยี นโยบาย และการควบคุมที่ปกป้องข้อมูล แอปพลิเคชัน และโครงสร้างพื้นฐานภายในสภาพแวดล้อม Cloud Computing จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ ตั้งแต่การเข้ารหัสข้อมูลและการจัดการการระบุตัวตนและการเข้าถึง (Identity and Access Management - IAM) ไปจนถึงความปลอดภัยของเครือข่ายและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ Cloud Cyber Security ช่วยให้มั่นใจว่าทรัพยากรใน Public, Private และ Hybrid Cloud จะยังคงปลอดภัยจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต การรั่วไหล และการโจมตีที่เป็นอันตราย

ระบบ Cloud Security ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการเฉพาะของบริการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งสามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดเก็บ ประมวลผล และจัดการข้อมูลบนคลาวด์อย่างปลอดภัย ในขณะที่รักษาความเป็นส่วนตัว ความสมบูรณ์ และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

What is Cloud Security

องค์ประกอบสำคัญของ Cloud Security

Cloud Security ที่มีประสิทธิภาพประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลายส่วนที่ทำงานร่วมกัน เพื่อมอบการปกป้องข้อมูล ระบบ และแอปพลิเคชันในสภาพแวดล้อม Cloud เช่น

  • การปกป้องข้อมูล (Data Protection) - ข้อมูล Cloud จะได้รับการรักษาความปลอดภัยผ่านมาตรการต่างๆ เช่น การเข้ารหัส (Encryption) และ​​​​การใช้โทเคน (Tokenization) ซึ่งป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าถึงข้อมูลที่มีความอ่อนไหว นอกจากนี้ยังช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในระหว่างการรับ-ส่งข้อมูลอีกด้วย
  • การควบคุมการเข้าถึง (Access Control) - Cloud Security ที่ดีควรมีโปรโตคอลการควบคุมการเข้าถึงข้อมูล เช่น IAM สำหรับตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้งานและควบคุมการเข้าถึงทรัพยากร Cloud Security โดย IAM สามารถกำหนดบทบาทและระดับการเข้าถึง ช่วยให้มั่นใจว่ามีเพียงผู้ใช้งานที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลและระบบต่างๆ ที่มีความอ่อนไหวหรือเป็นความลับ
  • ความปลอดภัยของเครือข่าย (Network Security) - ไฟร์วอลล์ (Firewall) ระบบตรวจจับการบุกรุก และการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเป็นรากฐานของความปลอดภัยเครือข่ายภายใน Cloud เครื่องมือเหล่านี้ป้องกันการรับส่งข้อมูลที่เป็นอันตรายจากการเข้าสู่เครือข่าย รวมถึงการโจมตีแบบ ฟิชชิง (Phishing) ซึ่งช่วยรักษาทั้ง Cloud Server Security และการรั่วไหลของข้อมูลที่มีความอ่อนไหว
  • การปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Compliance) - การปฏิบัติตามข้อบังคับ เป็นองค์ประกอบสำคัญของ Cloud Security โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีมาตรฐานความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่เข้มงวด ซึ่งผู้ให้บริการ Cloud ส่วนใหญ่จะเสนอเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจใช้งานคลาวด์ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบต่างๆ เช่น GDPR, HIPAA และ PDPA

Key Aspects of Cloud Security

Cloud Security สำคัญอย่างไร?

การนำโซลูชัน Cloud Security ที่มีประสิทธิภาพมาใช้งานสามารถช่วยให้องค์กรได้รับประโยชน์สำคัญในการใช้งาน Cloud อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่า Cloud Security มีความสำคัญอย่างไรต่อการทำงานของระบบ Cloud

  • ความสมบูรณ์และการปกป้องข้อมูล: Cloud Security Services ที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยป้องกันข้อมูลที่มีความอ่อนไหว โดยจะอนุญาตเฉพาะผู้ใช้งานที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ด้วยการเข้ารหัสและการควบคุมการเข้าถึงข้อมูล องค์กรสามารถลดโอกาสเกิดการรั่วไหลของข้อมูลและการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ลดต้นทุนการดำเนินงาน: การลงทุนใน Cloud Security สามารถช่วยให้บริษัทหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายและค่าเสียหายจากการการรั่วไหลของข้อมูลและเวลาการหยุดชะงัก (Downtime) จากการถูกโจมตี แนวทางการป้องกันเชิงรุกนี้ลดความเสี่ยงทางการเงิน ขณะเดียวกันก็ช่วยรักษาชื่อเสียงของบริษัทและความเชื่อใจของลูกค้า
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน: โครงสร้างพื้นฐาน Cloud ที่ปลอดภัยช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินงานได้ราบรื่นโดยไม่มีการหยุดชะงักจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนการเติบโตและความสามารถในการขยายธุรกิจ
  • การปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับ: Cloud Security ที่แข็งแกร่งช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามกฎระเบียบเฉพาะอุตสาหกรรมและมาตรฐานความเป็นส่วนตัว องค์กรสามารถปกป้องข้อมูลที่มีความอ่อนไหวและรักษาความไว้วางใจกับลูกค้า บุคลากร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) กลุ่มต่างๆ

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากไม่ใช้งาน Cloud Security

หากองค์กรขาดมาตรการ Cloud Cyber Security ที่ครอบคลุม ก็มีโอกาสที่จะเผชิญกับความหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อการต้นทุน ชื่อเสียง และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ยกตัวอย่างเช่น

  • การรั่วไหลและการสูญเสียข้อมูล - Cloud Server Security ที่ไม่เพียงพอทำให้ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวเสี่ยงต่อการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต การรั่วไหลของข้อมูลสามารถนำไปสู่การสูญเสียทางการเงินที่สำคัญและความเสียหายต่อชื่อเสียงขององค์กร
  • การหยุดชะงักในการดำเนินงานและการหยุดทำงาน (Downtime) - การละเมิดความปลอดภัยมักส่งผลให้เกิด downtime ซึ่งรบกวนกระบวนการทางธุรกิจและส่งผลกระทบต่อผลิตภาพโดยรวม การหยุดชะงักที่ยาวนานอาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียทางการเงินและความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ตึงเครียด
  • ปัญหาทางกฎหมายและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ - การไม่นำ Cloud Security ที่เหมาะสมมาใช้งาน อาจส่งผลให้องค์กรมีความเสี่ยงต่อการไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานกฎระเบียบ เช่น GDPR หรือ PDPA หากเกิดการรั่วไหลของข้อมูล หรือวางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ไม่ครอบคลุมมากพอ องค์กรอาจต้องแบกรับค่าปรับ บทลงโทษทางกฎหมาย และสูญเสียความไว้วางใจของลูกค้า

ประเภทของโซลูชัน Cloud Security

องค์กรสามารถปรับใช้โซลูชัน Cloud Security หลากหลายรูปแบบเพื่อรักษาความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมคลาวด์ โดย Cloud Security แต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับโครงสร้างพื้นฐาน Cloud ในส่วนที่แตกต่างกันไป ดังนี้

  • ความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Security): การปกป้องทรัพย์สินทั้งทางกายภาพและเสมือนใน cloud ความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานใช้เครื่องมือเช่น ไฟร์วอลล์ (Firewall) หรือ Secure Web Gateway และทำการแบ่งส่วนเครือข่ายเพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต วิธีการนี้แยกข้อมูลและทรัพยากรที่สำคัญ ซึ่งสร้างชั้นที่ถูกควบคุมภายในสภาพแวดล้อม Cloud
  • การจัดการตัวตนและการเข้าถึง (Identity and Access Management - IAM): โซลูชัน IAM ควบคุมการเข้าถึงด้วยการตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้งานและจัดการการให้สิทธิ์อนุญาตสำหรับบทบาทต่างๆ ผ่านการตรวจสอบแบบหลายปัจจัย ( Multi-Factor Authentication - MFA ) และโปรโตคอลการเข้าถึงที่เข้มงวด โดยจำกัดการเข้าถึงให้เฉพาะผู้ใช้งานที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
  • การเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption): การเข้ารหัสข้อมูลเปลี่ยนข้อมูลที่มีความอ่อนไหวให้เป็นรหัสที่อ่านไม่ออก ทำให้สามารถเข้าถึงได้เฉพาะผู้ใช้ที่มีการอนุญาตที่เหมาะสมเท่านั้น การเข้ารหัสทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันที่สำคัญสำหรับข้อมูลทั้งในขณะจัดเก็บและในระหว่างการถ่ายโอน ป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตและรักษาความลับ รวมถึงการใช้ Data Loss Prevention (DLP) เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลที่สำคัญ
  • เครื่องมือการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการตรวจสอบ (Compliance and Monitoring Tools): เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้บริษัทรักษามาตรฐานกฎระเบียบและตรวจสอบกิจกรรมที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ด้วยการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบอัตโนมัติและการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ เครื่องมือตรวจสอบช่วยให้สามารถจัดการภัยคุกคามความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นในระบบ cloud ได้แบบเชิงรุก

ความปลอดภัยสำหรับ Public, Private และ Hybrid Clouds

การใช้งานระบบ Cloud ที่แตกต่างกันก็ต้องอาศัยกลยุทธ์ Cloud Security ที่แตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน โดยแต่ละรูปแบบมุ่งเน้นไปที่วิธีการเฉพาะในการปกป้องข้อมูลและการควบคุมการเข้าถึงสำหรับ Public, Private และ Cloud Computing Hybrid

ประเภทคลาวด์กลยุทธ์ความปลอดภัยที่ควรมุ่งเน้น
Public Cloudมุ่งเน้นไปยังการปกป้องข้อมูลผ่านโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ร่วมกัน โดยใช้ IAM ขั้นสูงและการเข้ารหัสข้อมูล เพื่อการเข้าถึงที่ปลอดภัย
Private Cloudสร้างสภาพแวดล้อมที่ถูกควบคุมอย่างรัดกุม ผ่านการตั้งค่าไฟร์วอลล์ หรือ Next-Generation Firewall ( NGFW ) ที่แข็งแกร่งและการควบคุมการเข้าถึง ช่วยให้มีความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่เข้มงวดขึ้นและการกำหนดค่าความปลอดภัยที่ปรับแต่งได้
Hybrid CloudHybrid Cloud ผสานรวมสภาพแวดล้อม Public และ Private เข้าด้วยกัน จึงต้องใช้งานโซลูชัน Cloud Security ทำงานได้อย่างที่ราบรื่น พร้อมเทคโนโลยี ZTNA (Zero Trust Network Access) และ SD-WAN (Software-Defined Wide Area Network) เพื่อรักษาความปลอดภัย ลดโอกาสเกิดการรั่วไหลของข้อมูลและรักษาความปลอดภัยที่สม่ำเสมอในคลาวด์ที่ต่างกัน

หลักการทำงานของ Cloud Security

Cloud Security ดำเนินการผ่านวิธีการแบบหลายชั้นที่รวมเทคโนโลยี นโยบาย และแนวทางปฏิบัติต่างๆ เพื่อปกป้องข้อมูลและแอปพลิเคชันภายในสภาพแวดล้อมคลาวด์ โดยหลักแล้วบริการ Cloud Security ใช้ IAM การเข้ารหัส และการตรวจสอบเครือข่าย หรืออาจทำงานรวมกับระบบ MDR เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตและป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล โดยระบบ IAM จะจำกัดการเข้าถึงทรัพยากร Cloud ด้วยการตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้งาน ขณะที่การเข้ารหัสรักษาความปลอดภัยของข้อมูลทั้งระหว่างการรับ-ส่งและขณะจัดเก็บ

นอกจากนี้ Cloud Security ยังช่วยเฝ้าสังเกตการณ์และตรวจจับภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันเซิร์ฟเวอร์คลาว์ดจากการโจมตีต่างๆ โดยใช้งานเครื่องมือขั้นสูงในการตรวจจับช่องโหว่ พร้อมแจ้งเตือนผู้ดูแลระบบเกี่ยวกับการละเมิดที่อาจเกิดขึ้น และนำการตอบสนองอัตโนมัติมาใช้เพื่อควบคุมสถานการณ์อย่างรวดเร็ว แนวทางดังกล่าวยังช่วยลดความเสี่ยง ลดเวลาการตอบสนอง และมีความยืดหยุ่นในการเผชิญกับภัยคุกคามในอนาคต

บทบาทของระบบ Automation และ AI ใน Cloud Security

ใน Cloud Security ระบบ Automation และ AI ช่วยให้สามารถตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว อัลกอริทึม Machine Learning สามารถสแกนข้อมูลจำนวนมากเพื่อหารูปแบบที่ผิดปกติ ทำให้สามารถระบุภัยคุกคามได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ขณะเดียวกัน ระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์แบบเรียล์ไทม์ ด้วยการแยกทรัพยากรที่ได้รับผลกระทบหรือเปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลเพื่อจำกัดความเสียหาย อีกทั้ง AI ยังเรียนรู้จากภัยคุกคามที่เคยพบเจอได้ ซึ่งช่วยให้โซลูชัน Cloud Security สามารถคาดเดาและต่อกรกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ พร้อมกับปกป้ององค์กรท่ามกลางภูมิทัศน์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ความท้าทายของโซลูชัน Cloud Security

แม้ว่าโซลูชัน Cloud Security มอบการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ก็ยังมีความท้าทายหลายประการที่องค์กรต้องให้ความสำคัญ เพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญ และปฏิบัติตามกฎระเบียบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล โดยความท้าทายหลักในการนำ Cloud Security มาใช้งานที่พบได้บ่อย มีดังนี้

  • การรั่วไหลของข้อมูล ( Data Breaches) - การรั่วไหลข้อมูลเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในสภาพแวดล้อม Cloud โดยมักเกิดจากตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ผิดพลาด หรือการควบคุมการเข้าถึงที่ไม่ครอบคลุม เมื่อข้อมูลถูกเปิดเผย อาจนำไปสู่ความเสียหายทางการเงินและชื่อเสียงขององค์กร ดังนั้น การนำวิธีการเข้ารหัสและ MFA มาใช้จะช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้มากยิ่งขึ้น
  • ภัยคุกคามจากภายใน ( Insider Threats ) - พนักงานที่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีความอ่อนไหวอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดการละเมิดความปลอดภัย ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่ก็ตาม ซึ่งภัยคุกคามจากคนในองค์กรถือเป็นเรื่องที่ท้าทายในการจัดการ เพราะเกิดจากการเข้าถึงภายในองค์กร การตรวจสอบเป็นประจำและโปรโตคอล IAM ที่แข็งแกร่งช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ ด้วยการติดตามกิจกรรมของผู้ใช้งานและจำกัดการเข้าถึงตามสิทธิ์ที่ได้รับ
  • การตั้งค่าผิดพลาด ( Misconfigurations ) - การกำหนดค่าผิดในการตั้งค่า Cloud เป็นช่องโหว่ทั่วไป ทำให้ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวถูกเปิดเผยโดยไม่ตั้งใจ เครื่องมืออัตโนมัติที่สแกนหาข้อผิดพลาดในการกำหนดค่าและแจ้งเตือนผู้ดูแลระบบช่วยป้องกันการเปิดเผยข้อมูลโดยการจัดการช่องโหว่ความปลอดภัยอย่างทันท่วงทีและลดข้อผิดพลาดของมนุษย์
  • การละเมิดการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Compliance Violations) - การปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น GDPR หรือ HIPAA สามารถช่วยรักษาความไว้วางใจและหลีกเลี่ยงผลทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจคุณ เพราะหากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบอาจส่งผลให้เกิด ค่าปรับจำนวนมาก และความเสียหายต่อชื่อเสียง เครื่องมือตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการตรวจสอบเป็นประจำจะช่วยสนับสนุนองค์กรให้สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานและกฎระเบียบ พร้อมช่วยลดความเสี่ยงของการละเมิดข้อมูล
  • การขาดการมองเห็น (Lack of Visibility) - การมองเห็นที่จำกัดในสภาพแวดล้อม Cloud ทำให้การตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทาย หากไม่มีข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจน การระบุช่องโหว่ตั้งแต่เนิ่นๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงของการรั่วไหลของข้อมูลที่ไม่ถูกตรวจพบ ดังนั้น องค์กรควรทำการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มการมองเห็น ให้สามารถระบุและจัดการความเสี่ยงแบบเชิงรุก

ตัวอย่าง Cloud Security

ปัจจุบันมีกรณีศึกษามากมายแสดงให้เห็นว่าองค์กรสามารถใช้โซลูชัน Cloud Security เพื่อปกป้องข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานจากภัยคุกคามอย่างไร ดังนั้น มาดูตัวอย่างแนวทางการใช้งาน Cloud Security ที่มีประสิทธิภาพจากบริษัทที่มีชื่อเสียงทั่วโลกกันเลย

การตอบสนองต่อการรั่วไหลข้อมูลของบริษัท Capital One

ในปี 2019 Capital One ได้ประสบกับปัญหาการรั่วไหลข้อมูล เนื่องจากเว็บแอปพลิเคชันมีการกำหนดค่าผิดพลาด ทำให้ข้อมูลลูกค้าถูกเปิดเผย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ในอนาคต Capital One ได้นำมาตรการรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติมาใช้งาน รวมถึงการสแกนหาภัยคุกคามแบบเรียล์ไทม์ และการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างต่อเนื่อง การปรับปรุงเหล่านี้ช่วยให้บริษัทระบุและแก้ไขช่องโหว่ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยโซลูชันเหล่านี้ Capital One จึงสามารถเสริมสร้างความสามารถในการตรวจสอบการกำหนดค่าและตรวจจับการรั่วไหลของข้อมูล และระงับเหตุการณ์ก่อนสถานการณ์จะบานปลาย

AWS Shield และการป้องกัน DDoS

Amazon Web Services (AWS) ใช้ AWS Shield ซึ่งเป็นบริการเฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการโจมตีแบบ Distributed Denial of Service (DDoS) ซึ่งสามารถรบกวนความพร้อมใช้งานของบริการต่างๆ โดย AWS Shield จะทำการตรวจสอบรูปแบบการรับ-ส่งข้อมูล เพื่อตรวจจับและลดความการกระทำที่เป็นอันตรายที่ส่งผลต่อเครือข่าย วิธีการเชิงรุกนี้ช่วยให้ AWS รักษาเสถียรภาพของบริการและปกป้องผู้ใช้งานจากการหยุดชะงักที่เกิดจากการโจมตี DDoS ซึ่งถือเป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของ Cloud Server Security ในบริการ Cloud ขนาดใหญ่

การปรับปรุงความปลอดภัยของ Dropbox

Dropbox ใช้งาน ฟีเจอร์ความปลอดภัย ที่ครอบคลุมเพื่อปกป้องข้อมูลผู้ใช้ใน Cloud โดยมาตรการความปลอดภัยหลัก ได้แก่ การตรวจสอบแบบสองปัจจัย (Two-Factor Authentication - 2FA ) การเข้ารหัส 256-bit AES สำหรับข้อมูลที่ถูกเก็บ และการเข้ารหัส SSL/TLS สำหรับการส่งข้อมูล นอกจากนี้ Dropbox ยังตรวจสอบการรั่วไหลข้อมูลและปฏิบัติตามกฎระเบียบที่มีมาตรฐานเช่น GDPR และ HIPAA ทำให้เป็นตัวเลือกที่เชื่อถือได้และมาตรฐานสำหรับการจัดเก็บข้อมูลบน Cloud อย่างปลอดภัย

ข้อได้เปรียบของ Cloud Security จาก Sangfor

Sangfor โดดเด่นในด้านการรักษาความปลอดภัย Cloud Security ด้วยโซลูชันที่ครอบคลุมและขับเคลื่อนด้วย AI ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับความท้าทายของสภาพแวดล้อมดิจิทัลในปัจจุบัน ด้วยผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งอย่าง Sangfor NGFW ( Next-Generation Firewall ), ระบบ EDR อย่าง Endpoint Secure และ SASE (Secure Access Service Edge) ซึ่งมอบการปกป้องข้อมูลในหลายระดับ ตั้งแต่เครือข่ายและอุปกรณ์ปลายทาง ไปจนถึงแอปพลิเคชัน และการป้องกัน Ransomware Cloud ด้วยแนวทางการรักษาความปลอดภัยแบบหลายชั้นของโซลูชัน Cloud Security นี้ ประกอบกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและการตรวจจับภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI ให้การป้องกันแบบเรียล์ไทม์สำหรับภัยคุกคาม Cloud Cyber Security ขั้นสูง

Sangfor มุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรม ด้วยการลงทุนด้าน R&D อย่างต่อเนื่อง และสอดคล้องกับมาตรฐานการปฏิบัติตามกฎระเบียบทั่วโลกรวมถึง GDPR และ HIPAA ได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์อุตสาหกรรม โดยบริการ Cloud Security ของ Sangfor ช่วยให้ธุรกิจมีการปกป้องที่เชื่อถือได้และขยายตัวได้ ทำให้เป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับลูกค้ามากกว่า 100,000 รายทั่วโลกที่มองหา Cloud Security ที่แข็งแกร่งใน Cloud Computing

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโซลูชัย Cloud Security

ภัยคุกคามหลักต่อ Cloud Security รวมถึงการรั่วไหลข้อมูล ภัยคุกคามจากบุคลากรภายใน และการกำหนดค่าผิดพลาด ความเสี่ยงเหล่านี้สามารถเปิดเผยข้อมูลที่มีความอ่อนไหว รบกวนบริการ Cloud และอาจนำไปสู่การละเมิดกฎระเบียบที่มีค่าปรับจำนวนมาก ซึ่งโซลูชัน Cloud Security เชิงรุก เช่น การเข้ารหัสและการจัดการตัวตน สามารถช่วยลดช่องโหว่เหล่านี้ได้

Cloud Security จัดการเฉพาะการปกป้องข้อมูล แอปพลิเคชัน และโครงสร้างพื้นฐานภายในสภาพแวดล้อมคลาวด์ ซึ่งมุ่งเน้นไปยังการควบคุม เช่นการจัดการการเข้าถึง และการเข้ารหัส ในทางกลับกัน Cybersecurity แบบดั้งเดิมมีขอบเขตการรักษาความปลอดภัยที่กว้างกว่า ซึ่งครอบคลุมทั้งระบบ On-Premises และ Cloud โดยมีการมุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายและเครือข่าย

บริการ Cloud Security ที่มีประสิทธิภาพนั้นควรนำเสนอการรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม ตั้งแต่การยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัย การเข้ารหัส และการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจจับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งแนวทางปฏิบัติเหล่านี้ สามารถช่วยให้องค์กรรักษาสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยสำหรับ Cloud Computing ได้ดียิ่งขึ้น

เครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถสนับสนุนความปลอดภัยสำหรับระบบ Cloud ด้วยการระบุรูปแบบที่ผิดปกติและการตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบอัตโนมัติและเรียล์ไทม์ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจต่อต้านภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อการักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์บน Cloud

การปฏิบัติตามกฎระเบียบช่วยให้มั่นใจว่า Cloud Security ใน Cloud Computing นั้นเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งสิ่งสำคัญต่อการปกป้องข้อมูลที่มีความอ่อนไหวและรักษาความไว้วางใจของลูกค้า ด้วยการปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น GDPR และ HIPAA บริษัทจะลดความเสี่ยงของปัญหาทางกฎหมาย และรักษาความมั่นคงของ Cloud Security ได้

Search

Get in Touch

Get in Touch with Sangfor Team for Business Inquiry

Name
Email Address
Business Phone Number
Tell us about your project requirements

Related Glossaries

Cloud and Infrastructure

Cloud Access Security Broker (CASB) คืออะไร? สำคัญต่อองค์กรอย่างไร

Date : 10 Jul 2025
Read Now
Cyber Security

Multicloud คืออะไร? รู้ถึงความหมายและประโยชน์ต่อองค์กร

Date : 09 Jul 2025
Read Now
Cloud and Infrastructure

What Is Server Virtualization? Definition, Uses, and the Benefits

Date : 13 Mar 2023
Read Now

See Other Product

HCI - Hyper Converged Infrastructure - Sangfor HCI - โครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ
Cloud Platform - Thai
aDesk Virtual Desktop Infrastructure (VDI) - โครงสร้างพื้นฐานเดสก์ท็อปเสมือน aDesk (VDI)
WANO ของ Sangfor
SIER
EasyConnect-Thai