ในศตวรรษที่ 19 Alan Turing นักคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ได้นำเสนอความเป็นไปได้เกี่ยวกับเครื่องจักร (Machine) ที่สามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งที่ได้รับและเรียนรู้จากประสบการณ์ได้ Alan Turing ริงซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ได้บุกเบิกเส้นทางสำหรับความก้าวหน้าอย่างมากเกี่ยวกับ AI ที่พัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงศตวรรษที่ 21
ปัจจุบัน เรามีเทคโนโลยี AI ที่แทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันผ่านบริการต่างๆ ตั้งแต่ Siri ไปจนถึงซอฟต์แวร์จดจำใบหน้าที่ใช้ปลดล็อกสมาร์ทโฟน เครื่องจักรเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำให้ชีวิตง่ายขึ้นและสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับเราทุกคน และเราก็ไม่ได้หลีกเลี่ยงการใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมเหล่านี้มาพร้อมกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่แฝงอยู่ ความเปลี่ยนแปลงล่าสุดมีผลกระทบมากที่สุดคือการเกิดขึ้นของแชทบอต AI โดยเฉพาะโมเดล ChatGPT
แชทบอต AI และ ChatGPT
แชทบอตคืออะไร? สามารถจำกัดความได้ง่ายๆ คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่จำลองการสนทนาของมนุษย์ เพื่อช่วยในการสื่อสารกับลูกค้าและบริการผ่านการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซอฟต์แวร์นี้เลียนแบบการตอบสนองคล้ายมนุษย์ผ่านคำสั่งเสียงหรือการส่งข้อความ ซึ่งเข้ามาขยายความสามารถการบริการ หรือแม้กระทั่งทดแทนความจำเป็นในการใช้พนักงาน
OpenAI เป็นศูนย์ปฏิบัติการวิจัยชั้นนำที่ตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโก และในเดือนพฤศจิกายนปี 2022 บริษัทฯ ได้เปิดตัวโมเดล ChatGPT ซึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2015 โดย Sam Altman และ Elon Musk โดยโปรแกรม ChatGPT ถูกออกแบบขึ้นเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ในการสนทนา ทำให้สามารถตอบคำถามได้อย่างต่อเนื่อง เรียนรู้ข้อผิดพลาด ตั้งคำถามกับสมมติฐานที่ไม่ถูกต้อง และปฏิเสธคำสั่งที่ไม่เหมาะสม
ด้วยจำนวนผู้ใช้งานที่มากกว่า 1 ล้านคนในปัจจุบัน โปรแกรม ChatGPT ได้สร้างฐานแฟนคลับมากมายที่ชื่นชมความสามารถในการเลียนแบบการสนทนาของมนุษย์ และให้บริการต่างๆ ในหลากหลายสาขา ตั้งแต่การเขียนเรียงความ แต่งเพลง ไปจนถึงการตอบคำถามในข้อทดสอบ และเขียนโค้ดคอมพิวเตอร์
หนึ่งในลักษณะเด่นของ ChatGPT ไม่ได้เป็นเพียงแค่ให้ผลลัพธ์การค้นหาแก่ผู้ใช้งาน แต่ใช้คุณสมบัติ Machine Learning เพื่ออธิบายหัวข้อที่ซับซ้อนและให้วิธีแก้ปัญหาที่ปฏิบัติได้จริง อย่างไรก็ตามนี่เป็นช่องโหว่ให้เกิดข้อผิดพลาดได้เช่นกัน แม้แต่เว็บไซต์ของโปรแกรมเองก็ระบุว่า ChatGPT อาจเขียน "คำตอบที่ฟังดูสมเหตุสมผลแต่ไม่ถูกต้องหรือไร้สาระ" ในบางครั้งได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดนี้ก็ไม่ได้ทำให้บริษัทส่วนใหญ่ลังเลที่จะเพิ่มความเข้มงวดในการดำเนินธุรกิจ โดย New York Times ได้รายงานว่า Google ตกใจในความสามารถของ ChatGPT จนถึงขั้นประกาศ "Code Red" เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจการค้นหา (Search Business) ของบริษัทอยู่รอด
ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของแชทบอตและ ChatGPT
ในขณะที่แนวคิดของปัญญาประดิษฐ์ดูเหมือนจะมีนัยยะทั้งในแง่ดีและแง่ร้าย บริษัทยักษ์ใหญ่ส่วนมากในปัจจุบันได้ลงทุนในเทคโนโลยีแชทบอตไปแล้ว และหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ AI เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย Siri, Alexa และ Google Home ล้วนเป็นแชทบอตให้บริการ และบ้านสื่อส่วนใหญ่ เช่น Netflix, Hulu, CNN และ MTV ต่างใช้เทคโนโลยีแชทบอตในการมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้สำเร็จแล้ว
ธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ กำลังประยุกต์ใช้แชทบอตในหลากหลายรูปแบบ ตามรายงานของ Medium ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งอาหาร ขอคำแนะนำ และแม้กระทั่งจองเที่ยวบินได้ แล้วองค์กรอย่าง Starbucks, Lyft, Spotify และ The Wall Street Journal เป็นเพียงส่วนหนึ่งของยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมที่กำลังใช้เทคโนโลยีแชทบอตเพื่อปรับปรุงบริการ ซึ่งการระบาดของโควิด-19 ได้เปิดทางให้แพลตฟอร์มอัตโนมัติมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการให้บริการ เพื่อลดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ และเทคโนโลยีนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของในที่สุด
The Information รายงานว่า Microsoft ได้หารือเกี่ยวกับการรวมปัญญาประดิษฐ์ของ OpenAI เข้ากับชุดแอปพลิเคชันของตน เช่น Word, PowerPoint และ Outlook เพื่อให้ลูกค้าสามารถสร้างข้อความโดยอัตโนมัติโดยใช้คำสั่งง่ายๆ อีกทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่นี้เพิ่งลงทุนเป็นจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI เพื่อสนับสนุนการสร้าง Artificial General Intelligence (AGI)
บริษัท Google ก็ไม่น้อยหน้าในวงการ AI เช่นกัน และได้พัฒนาโมเดลภาษาที่เรียกว่า LaMDA ซึ่งใช้เทคนิค Machine Learning เพื่อช่วยให้เข้าใจเจตนาของคำค้นหาและช่วยให้สามารถสนทนาได้อย่างลื่นไหลไม่ว่าจะเป็นหัวข้อใดก็ตาม
บริษัทอื่นๆ ยังได้นำเทคโนโลยี AI มาสร้าง ChatBot ของตัวเอง เช่น Jasper ที่ได้ออกแบบ AI Content Generator และ Unbounce ซึ่งนำเสนอเครื่องมือสำหรับ Copywriting ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสร้างสโลแกน ข้อความบนโซเชียลมีเดีย อีเมล และคำอธิบายผลิตภัณฑ์
อย่างไรก็ตาม ก้าวสำคัญที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วยเครื่องมือ AI ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงมากมายเช่นกัน
ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับ ChatGPT
ในขณะที่การพัฒนาของเทคโนโลยีแชทบอตได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์ หลายคนยังคงมีความกังวลในความปลอดภัยของ ChatGPT ด้วยเช่นกัน ซึ่งตามรายงานของ CNET กรมการศึกษาของนิวยอร์กซิตี้ได้บล็อกการเข้าถึง ChatGPT บนอุปกรณ์เครือข่ายขององค์กร เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการโกงข้อสอบ ผลกระทบต่อการเรียนรู้ของนักเรียน และความถูกต้องของเนื้อหา
ข้อมูลที่บิดเบือนยังคงเป็นข้อกังวลหลักของโปรแกรม ChatGPT ที่เรียนรู้จากข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจไม่ได้เป็นข้อมูลที่ถูกต้องเสมอไป
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในแง่มุมที่สำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณา คือ ภัยคุกคามต่อความปลอดภัยไซเบอร์ที่สร้างขึ้นจากแชทบอตอย่างกะทันหัน ซึ่งผู้สร้าง ChatGPT เองก็เห็นด้วยว่า เรากำลังเข้าใกล้ยุคที่ AI มีความแข็งแกร่งและอันตราย ซึ่งสามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์อย่างมหาศาล และเมื่อแนวคิด AGI (Artificial General Intelligence) อาจกำลังถูกทำให้เป็นจริงในทศวรรษหน้า นั่นหมายความว่า เราควรให้ความสำคัญกับความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นจาก AI มากขึ้น
TechCrunch ได้เขียนบทความเมื่อไม่นานมานี้เกี่ยวกับบริษัท Check Point ที่สาธิตการใช้ ChatGPT ในการโจมตี โดยป้อนคำสั่งเพื่อขอให้สร้างอีเมลฟิชชิง (Phishing) ในตอนแรก OpenAI กล่าวว่าการกระทำนี้อาจละเมิดนโยบายเนื้อหา (Content Policy) ของตน แต่เมื่อได้รับคำสั่งเพิ่มเติม โปรแกรม ChatGPT ก็ยินยอมและสร้างอีเมลฟิชชิงที่สามารถนำไปใช้งานได้ นอกจากนี้ Check Point ยังได้เตือนเกี่ยวกับความสามารถของแชทบอตในการช่วยอาชญากรไซเบอร์เขียนโค้ดที่เป็นอันตราย ซึ่งนับเป็น Cyber Security Risks ที่ทุกองค์กรควรให้ความสำคัญ
ข้อมูลที่กว้างขวางและความสามารถด้านภาษาของ ChatGPT ทำให้โมเดล AI นี้เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่น่าดึงดูดสำหรับอาชญากรไซเบอร์ที่เพิ่งเข้าสู่วงการ หรือเพียงแค่ไม่ต้องการสร้างโค้ด/อีเมลที่เป็นอันตรายด้วยตนเอง แต่ยังคงต้องการโจมตีเครือข่ายองค์กรต่างๆ ด้วยแคมเปญฟิชชิง (Phishing)
ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ของ ChatGPT
Medium นำเสนอว่า ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจากที่สามารถเกิดขึ้นจาก ChatGPT สามารถจำแนกออกเป็นทั้งหมด 4 หมวดหมู่ ได้แก่
- อีเมลฟิชชิง (Phishing Email): อีเมลฟิชชิง (Phishing) เป็นมัลแวร์ประเภทหนึ่งที่ผู้โจมตีสร้างอีเมลหลอกลวงแต่ดูน่าเชื่อถือเพื่อหลอกผู้รับทำตามคำแนะนำที่เป็นอันตราย เช่น การคลิกลิงก์ที่ไม่ปลอดภัย การเปิดไฟล์แนบที่มีมัลแวร์ การหลอกให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน หรือการโอนเงินไปยังบัญชีของมิจฉาชีพ ซึ่งการหลอกลวงแบบฟิชชิงถือเป็นมัลแวร์ประเภทที่พบมากที่สุดในปัจจุบัน
- การขโมยข้อมูล (Data Theft): การขโมยข้อมูล คือ การเข้าถึงและนำข้อมูลบนเครือข่ายออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล รหัสผ่าน หรือแม้แต่โค้ดซอฟต์แวร์ ซึ่งสามารถถูกใช้ในการโจมตีด้วย Ransomware เพื่อเรียกค่าไถ่หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ
- มัลแวร์ (Malware): มัลแวร์หรือซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายเป็นคำจำกัดความกว้างๆ ที่หมายถึงซอฟต์แวร์ประเภทใดก็ตามที่มีเจตนามุ่งร้ายต่อผู้ใช้งานในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง โดยซอฟต์แวร์ประเภทนี้สามารถแทรกซึมเข้าไปในเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร ขโมยข้อมูล หรือเพียงแค่ทำลายข้อมูล คลิกที่นี่เพื่ออ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับมัลแวร์ ChatGPT
- บอตเน็ต (Botnets): การโจมตีด้วยบอตเน็ตเป็นการโจมตีทางไซเบอร์แบบระบุเป้าหมาย โดยมุ่งเป้าไปยังกลุ่มอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยอุปกรณ์ทั้งหมดจะถูกแฮกและยึดโดยแฮกเกอร์ การโจมตีบอตเน็ตมักกระทำโดยแฮกเกอร์ที่มีจุดประสงค์เพื่อยึดการควบคุมกลุ่มอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ และเครือข่ายประเภทอื่นๆ
แม้ว่าภัยคุกคาม Cyber Security Risks เหล่านี้อาจดูเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่ก็ยังมีขั้นตอนที่สามารถปฏิบัติตาม เพื่อลดความเสี่ยงของภัยคุกคามเหล่านี้เมื่อใช้บริการ ChatGPT
วิธีการป้องกันการโจมตีด้วยอีเมลฟิชชิง (Phishing Email)
ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ ChatGPT เราจึงได้รวบรวมแนวทางการรักษาเครือข่ายขององค์กร ให้ปลอดภัยจากผู้ก่อภัยคุกคามที่พยายามใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI นี้ ซึ่งแน่นอนว่าการลงทุนในความปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อป้องกันการสูญเสียทางธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับองค์กรในยุคดิจิทัล โดยสามารถอ่านบทความของเราเกี่ยวกับต้นทุนของการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ vs. ต้นทุนของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
- ติดตามข่าวสารอยู่เสมอ - อาจดูเหมือนเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่การติดตามข่าวและอัปเดตเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์หรือมัลแวร์นั้นถือเป็นเครื่องมือความรู้สำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้ภัยคุกคามเข้าสู่เครือข่ายขององค์กรคุณ นอกจากนี้ ควรระมัดระวังอีเมลที่ไม่คุ้นเคย มีไฟล์แนบ หรือลิงก์เว็บไซต์ที่น่าสงสัยก็แนวทางปฏิบัติพื้นฐานในการปกป้องข้อมูล
- ใช้รหัสผ่านที่ปลอดภัย - รหัสผ่านเป็นแนวป้องกันด่านแรกที่มักถูกมองข้าม ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ารหัสผ่านที่เลือกใช้นั้นมีความซับซ้อนและคาดเดาได้ยาก โดยอาจใช้ทั้งตัวอักษรพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ ตัวเลข และสัญลักษณ์เพื่อสร้างรหัสผ่านที่แข็งแรงจะช่วยป้องกันการขโมยข้อมูลหรือการถูกแฮกได้ดี
- ใช้งานการยืนยันตัวตนสองชั้น (2FA) - เครือข่ายส่วนใหญ่มีการติดั้งระบบยืนยันตัวตนสองชั้นอยู่แล้ว ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่ามีการใช้ปัจจัยเฉพาะเพื่อยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานก่อนที่จะมอบสิทธิ์การเข้าถึง ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถยกระดับความปลอดภัยแก่เครือข่ายองค์กร เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าการโจมตีทางไซเบอร์ใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น
- ใช้แพลตฟอร์มตรวจจับและตอบสนองเครือข่าย (NDR) - แพลตฟอร์ม NDR ให้การตรวจสอบความปลอดภัยไซเบอร์ อย่างครอบคลุมสำหรับเครือข่ายขององค์กรคุณเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยจากการเข้าถึงของแฮกเกอร์ โดยโซลูชัน Sangfor's Cyber Command มอบความสามารถในการล่าภัยคุกคามที่เป็นเอกลักษณ์และล้ำสมัยสำหรับบริษัทของคุณ อีกทั้งองค์กรยังสามารถใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติของโซลูชันอย่าง EDR และ MDR เพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่อุปกรณ์ปลายทางที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายองค์กรได้อีกด้วย
- ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส - ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ดีจะปกป้องเครือข่ายของคุณจากมัลแวร์ การโจมตีแบบฟิชชิง และภัยคุกคามทางไซเบอร์อื่นๆ และที่สำคัญ คือ ไม่ควรมองข้ามการใช้งานไฟร์วอลล์ (Firewall) หรือ Next-Generation Firewall (NGFW) ที่สามารถให้การป้องกันเครือข่ายจากมัลแวร์ ไวรัส หรือภัยคุกคามอื่นๆ ที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต
- เฝ้าสังเกตบัญชีของคุณอย่างสม่ำเสมอ - คอยตรวจสอบกิจกรรมที่เกิดขึ้นกับบัญชีต่างๆ ทั้งบัญชีธนาคารและบัญชีผู้ใช้งานบนเครือข่ายองค์กร ซึ่งจะช่วยให้คุณพบพฤติกรรมที่น่าสงสัยได้อย่างรวดเร็วและดำเนินการระงับเหตุหรือภัยคุกคามได้ทันที เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
- อัปเดตซอฟต์แวร์ของคุณอยู่เสมอ - ระบบปฏิบัติการของคุณจำเป็นต้องทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อมอบการป้องกันสูงสุดแก่เครือข่ายของคุณ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ซอฟต์แวร์ต่างๆ ได้รับการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดบนทุกอุปกรณ์ เพื่อลดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและข้อผิดพลาดที่อาจมีอยู่ในเวอร์ชันก่อนหน้า โดยสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์สำหรับธุรกิจขนาดเล็กได้ที่นี่
อนาคตของ AI Chatbot และ Cybersecurity
การพัฒนาของแชทบอตกำลังดำเนินการไปในทิศทางที่ดี แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังคงมีความเสี่ยงที่โปรแกรมเหล่านี้จะถูกฝึกให้สร้างซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย จึงจำเป็นต้องได้รับการกำกับดูแล และใช้งานด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ เพราะแม้เทคโนโลยีนี้จะถูกพัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวก แต่หากถูกใช้ในทางที่ผิดก็สามารถก่อให้เกิดความเสียหายได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ChatGPT ก็ไม่ได้มีเพียงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพียงอย่างเดียว อย่างที่ Jake Moore จาก ESET ได้เปิดเผยต่อ TechCrunch เมื่อเขากล่าวว่า "หาก ChatGPT เรียนรู้เพียงพอจากข้อมูลที่ป้อนเข้าไป มันอาจสามารถวิเคราะห์การโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้ทันทีและสร้างข้อเสนอแนะเชิงบวกเพื่อเพิ่มความปลอดภัย"
ChatGPT เป็นโมเดล AI ที่เข้าถึงง่ายและใช้งานสะดวก หลายคนจึงมองว่าเป็นโปรแกรมที่ค่อนข้างอันตราย อย่างไรก็ตาม Greg Brockman ประธานและผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI กล่าวใน X เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ChatGPT เวอร์ชัน Professional ที่คิดค่าใช้จ่ายในการใช้งานที่มีประสิทธิภาพเร็วขึ้นนั้นอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งอาจสามารถแก้ไขปัญหาความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์และคำสั่งที่เป็นอันตรายได้
อนาคตของเทคโนโลยี AI อาจยังคงไม่แน่นอน ซึ่งเราได้แต่หวังว่านวัตกรรมต่างๆ จะถูกนำมาพัฒนาโลกไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องลดทอนความปลอดภัย
ที่ Sangfor Technologies ความปลอดภัยทางไซเบอร์และความปลอดภัยของคุณเป็นความสำคัญหลักของเรา พวกเราจึงออกแบบโซลูชันและบริการหลากหลาย ที่มุ่งเน้นการรักษาความปลอดภัย ท่ามกลางภูมิทัศน์ทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาซึ่งมักเต็มไปด้วยภัยคุกคามทางไซเบอร์
โซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Sangfor
Sangfor นำเสนอโซลูชันความปลอดภัยขั้นสูงสำหรับองค์กร ที่สามารถทำงานร่วมกับโปรโตคอลต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่ามีการรักษามาตรการความปลอดภัยระดับสูงสุด ในขณะที่เครื่องมือตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามขั้นสูงของเราดำเนินการแบบอัตโนมัติ การจำลองสภาพแวดล้อมปลอดภัย (Sandboxing) วิเคราะห์พฤติกรรม และฟังก์ชันอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงจาก Cyber Security Risks รูปแบบต่างๆ
Sangfor's Threat Identification, Analysis, and Risk Assessment (TIARA)
แพลตฟอร์ม Threat Identification, Analysis, and Risk Assessment (TIARA) ของ Sangfor เป็นบริการประเมินท่าทีความปลอดภัยเบื้องต้นที่อาศัยผู้เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพ เพื่อประเมินคุณสมบัติของเครือข่ายและช่วยให้ลูกค้าเข้าใจความเสี่ยงต่อภัยคุกคามปัจจุบันได้ภายในเพียง 2-4 สัปดาห์
บริการในรูปแบบ Lightweight Turnkey ที่ครบวงจรนี้ใช้ประโยชน์จากความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองอัตโนมัติของแพลตฟอร์มข่าวกรองภัยคุกคาม (Threat Intelligence) ของ Sangfor เพื่อช่วยลูกค้าที่อาจไม่เข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์สามารถรับรู้ถึงภูมิทัศน์ภัยคุกคามของพวกเขาได้ ประกอบกับช่วยปรับปรุงระยะเวลาในการตรวจจับภัยคุกคาม และปรับปรุงระบบความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
แพลตฟอร์ม Cyber Command (NDR)
เครื่องมือ Sangfor Cyber Command ช่วยในการตรวจสอบมัลแวร์ เหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่ตกค้าง และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อเครือข่ายในอนาคต ซึ่งทำงานร่วมกับอัลกอริทึม AI ประสิทธิภาพสูงและข่าวกรองภัยคุกคาม ทำให้มั่นใจว่าข้อมูลของคุณได้รับการปกป้องรอบด้าน และได้รับการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อค้นหาคุกคามที่อาจอยู่ในระบบ
Next Generation Firewall (NGFW) ของ Sangfor
สุดท้าย Next-Generation Firewall (NGFW) ของ Sangfor ถูกใช้ร่วมกับ Endpoint Security เพื่อระบุไฟล์ที่เป็นอันตรายทั้งในระดับเครือข่ายและอุปกรณ์ปลายทาง โดยไฟร์วอลล์ขั้นสูงนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจสอบเครือข่ายและการรับส่งข้อมูลของแอปพลิเคชันสำหรับภัยคุกคาม รักษาความปลอดภัยของเครือข่ายจากการบุกรุก และนำข่าวกรองเกี่ยวกับ Cyber Security Risks จากภายนอกเครือข่ายเข้ามาประยุกต์ใช้ ซึ่งข้อมูลใดก็ตามที่การรักษาความปลอดภัยแบบ On-Premise ไม่สามารถวิเคราะห์ได้จะถูกส่งไปยัง Neural-X Sandbox บนคลาวด์โดยอัตโนมัติ เพื่อคัดแยกและตรวจสอบโดยละเอียด
สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชัน Cybersecurity และ Cloud Computing ของ Sangfor ได้ที่ www.sangfor.com